ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: แมงป่องต่อย  (อ่าน 19 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 304
    • ดูรายละเอียด
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: แมงป่องต่อย
« เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2024, 18:11:44 น. »
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: แมงป่องต่อย

ให้รีบนำเหล็กในออก ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบ ให้ยาแก้ปวด-พาราเซตามอล*

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการปวดแผลมาก หรือกินยาแก้ปวดไม่ได้ผล

หมายเหตุ แมงป่องที่มีพิษร้ายแรง (ยังไม่พบในบ้านเรา) จะมีพิษต่อประสาท ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก ชัก อาเจียน น้ำลายฟูมปาก หยุดหายใจ ตายได้ ต้องฉีดเซรุ่มแก้พิษ ถ้าสงสัยถูกแมงป่องมีพิษต่อย ให้ทำการปฐมพยาบาลแบบเดียวกับถูกงูกัด


การปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกงูกัด

การปฐมพยาบาลเป็นสิ่งที่ต้องกระทำหลังถูกงูกัดทันทีก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาล มักจะกระทำโดยผู้ป่วยเอง ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง คำแนะนำในการให้การปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกงูกัด สำหรับบุคคลเหล่านี้ ได้แก่

1. ใช้เชือก ผ้า หรือสายยางรัดแขนหรือขา ระหว่างแผลงูกัดกับหัวใจ (เหนือรอยเขี้ยว 2-4 นิ้วฟุต) เพื่อป้องกันมิให้พิษงูถูกดูดซึมเข้าร่างกายโดยเร็ว ให้รัดแน่นพอที่จะหยุดการไหลเวียนของเลือดดำ ควรคลายเชือกทุก ๆ 15 นาที โดยคลายนานครั้งละ 30-60 วินาที จนกว่าจะถึงสถานพยาบาล

2. เคลื่อนไหวแขนหรือขาส่วนที่ถูกงูกัดให้น้อยที่สุด ควรจัดตำแหน่งของส่วนที่ถูกงูกัดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าหัวใจ (เช่น ห้อยเท้าหรือมือส่วนที่ถูกงูกัดลงต่ำ) ระหว่างเดินทางไปยังสถานพยาบาล อย่าให้ผู้ป่วยเดิน ควรให้ผู้ป่วยนั่งรถหรือแคร่หาม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของพิษงู

3. ควรดูให้รู้แน่ว่าเป็นงูอะไร แต่ถ้าไม่แน่ใจควรบอกให้คนอื่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุช่วยตีงูให้ตาย และนำไปยังสถานพยาบาลด้วย (อย่าตีให้เละจนจำลักษณะไม่ได้)

4. อย่าให้ผู้ป่วยดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาดองเหล้า หรือกินยากระตุ้นประสาท รวมทั้งชา กาแฟ

5. อย่าใช้ไฟหรือเหล็กร้อนจี้ที่แผลงูกัด และอย่าใช้มีดกรีดแผลเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้เลือดออกมาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถูกงูที่มีพิษต่อเลือดกัด) หรืออาจตัดถูกเส้นเอ็นหรือเส้นประสาท รวมทั้งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

6. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ (จากงูที่มีพิษต่อประสาท) ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจไปตลอดทางจนกว่าจะถึงสถานพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุด

7. สำหรับบาดแผลให้ใช้ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดบาดแผล ถ้ารู้สึกปวดแผลให้กินพาราเซตามอล ห้ามให้แอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้น

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้   ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา  จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร  ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ