ผู้เขียน หัวข้อ: ศาลหลักเมือง ทั่วไทย ทำบุญ ไหว้ขอพร เสาหลักเมือง เสริมชัย เสริมสิริมงคล  (อ่าน 21 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 307
    • ดูรายละเอียด
ศาลหลักเมือง ทั่วไทย ทำบุญ ไหว้ขอพร เสาหลักเมือง เสริมชัย เสริมสิริมงคล

เคยได้ยินกันไหมว่าพอเริ่มปีใหม่แล้ว ให้ไปสักการะ ศาลหลักเมือง ตามจังหวัดที่อาศัยอยู่เพื่อความเป็นสิริมงคล จะเป็นการเสริมหลักชัยให้ชีวิต อีกทั้งยังเชื่อกันอีกว่าจะช่วยให้มีการงานมั่นคง ขออะไรก็จะสมหวังดั่งที่ปรารถนา ถ้าอย่างงั้น จะรอช้าไม่ได้แล้ว ศาลหลักเมือง สวยๆ ทั่วไทย ไหว้ขอพร เสริมสิริมงคล มาให้ทุกคนแล้วค่า

ศาลหลักเมือง ทั่วไทย

1. ศาลหลักเมืองกรุงเทพ

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ศาลที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีในสมัยรัชกาลที่ 1 เลยทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเก่าแก่อยู่คู่กรุงเทพฯ มาอย่างยาวนานนั่นเองค่ะ ซึ่งจุดสำคัญของศาลหลักเมืองนี้ก็คือบริเวณของ เสาหลักเมือง ซึ่งมี 2 เสาด้วยกัน สาเหตุที่มีสองเสาก็เพราะเสาเดิมมีการชำรุดลงอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ 4 เลยโปรดเกล้าฯ ให้ทำเสาขึ้นใหม่ แน่นอนว่าที่นี่ก็เป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองกรุง มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้มากมาย เพื่ออธิษฐานขอพระ เพราะมีคติความเชื่อกันว่า ถ้าได้มากราบไหว้ศาลหลักเมืองนั้น จะเป็นหารเสริมหลักชัยให้ชีวิต ให้มีหน้าที่การงานที่มั่นคงดังหลักชัย และขอพรให้สมหวังค่ะ

    ที่อยู่ : ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 06.30-18.30 น. (เปิดให้เข้าชมตลอดคืนในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน)

2. อุทยานมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

อุทยานมังกรสวรรค์ ที่ตั้งของ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สุพรรณบุรี เมื่อก่อนนั้นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี จะเป็นเพียงแค่ศาลไม้ทรงไทย มีเทวรูปพระอิศวร และพระนารายณ์สวมหมวกเติ๊ก สลักด้วยหินสีเขียว แต่ในปัจจุบันได้สร้างศาลให้เป็นรูปวิหารและเก๋งจีน สวยงดงามมากทีเดียวค่ะ ซึ่ง เจ้าพ่อหลักเมือง นั้น ก็จะเป็นประติมากรรมสลักหินนูนต่ำ ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน มีพระนามว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือที่เรียกกันว่า พระนารายณ์สี่กร นั่นเอง เป็นที่สักการบูชาทั้งชาวไทย และชาวจีน อย่างมาก คือถ้ามาเที่ยวเมืองสุพรรณ ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปสักการะกันค่ะ รวมถึงยังมีที่เที่ยวใกล้ๆ อย่าง พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ให้ได้เดินเที่ยวชมกันด้วยค่ะ

    ที่อยู่ : 491/1 ไร่ฝ้าย ถนนไร่ฝ้าย ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
    เปิดให้เข้าชม : 10.00-16.00 น.

3. ศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์

ศาลหลักเมือง ประจวบคีรีขันธ์ เป็นศาลหลักเมืองที่ความสวยงามอย่างมากแห่งหนึ่งของไทยเลยค่ะ เพราะสร้างในรูปแบบของศิลปะลพบุรี องค์หลักเมือง มีการแกะสลักลวดลายประณีตอย่างสวยงาม สร้างขึ้นมาในสมัย ร.ต.อำนวย ไทยานนท์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีพิธีเปิดไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2537 ค่ะ ซึ่ง องค์หลักเมือง หรือ "จตุโชค" นั้น จะมีลักษณะพิเศษคือ มีสี่เศียร สี่พักตร์ แกะสลักลายไทย ศิลปะแบบศรีวิชัยทั้งองค์ บอกเลยว่างดงามหาชมได้ยากจริงๆ ค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-19.00 น.

4. เสาหลักเมืองน่าน

เสาหลักเมืองน่าน เดิมจะเรียกกันว่า เสามิ่งเมือง เป็นไม้สักทองขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ฟุต สูง 3 เมตร ลักษณะเป็นเสาทรงกลม ส่วนหัวเสาเกลาเป็นดอกบัวตูม ฝังไว้กับพื้นที่ดินโดยตรง ซึ่งจะไม่มีบริเวณของศาลหรืออาคารครอบเอาไว้ สันนิษฐานกันว่าอาจจะสร้างขึ้นในสมัยเจ้าอัตถวรปัญโญ เป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน เพราะก่อนหน้านั้นเมืองน่าน ไม่มีการสร้างเสาหลักเมืองในประวัติศาสตร์เลยค่ะ

    ที่อยู่ : 42 ถนนสุริยพงษ์ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.

5. ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์

ที่ ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ แห่งนี้ เมื่อก่อนนั้นจะมีความเชื่อกันว่า เคยเป็นจุดพักรบของรัชกาลที่ 1 และยังเป็นจุดกำเนิดของเมืองบุรีรัมย์อีกด้วย เลยทำให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่เคารพสักการะบูชาของชาวบุรีรัมย์นั่นเอง โดยสาหลักเมืองบุรีรัมย์ นั้นจะมี 2 ต้นด้วยกัน ว่ากันว่า เสาต้นที่ 1 (ต้นเอียง) เป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้น เมื่อครั้งสร้างเมือง ส่วนเสาหลักเมืองต้นที่ 2 นั้น น่าจะเป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้น เมื่อมีฐานะเป็น จังหวัดบุรีรัมย์ ค่ะ รวมไปถึง ข้างๆ ศาล จะมี ศาลเจ้าจีน ให้ได้สักการะขอพรด้วยเช่นกันค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-20.00 น.

6. ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช

     ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช จะมีอาคารถึง 5 ด้วยกัน โดยหลังกลางนั้นเป็นที่ประดิษฐานหลักเมือง ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับ ศิลปะศรีวิชัย ที่เรียกว่า ทรงเหมชาลา ส่วนอาคารเล็กอีกสี่หลัง ก็เปรียบเหมือนเป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่า ศาลาจตุโลกเทพ มี พระเสื้อเมือง ศาลทรงเมือง ศาลพระพรหมเมือง และศาลพรบันดาลเมือง ส่วนองค์เสาหลักเมืองนั้น จะทำด้วยไม้ตะเคียนทอง ที่ได้มาจากภู 4 เขายอดเหลืองในนครศรีธรรมราชนั่นเองค่ะ อีกทั้งยังมีการแกะสลัก มาจากความเชื่อในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งเคยมีอิทธิพลต่อศิลปกรรมในภาคใต้ และ นครศรีธรรมราช มาตั้งแต่ในสมัยโบราณแล้วค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
    เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

7. ศาลหลักเมืองตราด

มากันที่ ศาลหลักเมืองตราด กันบ้าง ที่นี่นับว่ามีเอกลักษณ์ของศาลหลักเมืองที่แตกต่างจากศาลหลักเมืองอื่นๆ อย่างมากเลยค่ะ ก็คือกล่าวคือสร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเก๋งจีนนั่นเอง โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามความเชื่อแบบจีนค่ะ รวมถึงยังเป็นเหมือนศูนย์กลางเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนอีกด้วย ในทุกๆ วันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 จะมีการจัดงาน วันงานพลีเมือง ที่ชาวจีนเรียกกันว่า วันเซี่ยกงแซยิด หมายถึงวันเกิดของเจ้าพ่อหลักเมืองนั่นเองค่ะ

    ที่อยู่ : เลขที่ 1 ถนนหลักเมือง ตำบลบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด
    เปิดให้เข้าชม : 07.00-17.00 น.

8. ศาลหลักเมืองสุรินทร์

ศาลหลักเมืองสุรินทร์ เป็นศาลหลักเมืองสวยๆ ที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเขมรและศิลปะแบบไทยเข้าไว้ด้วยกันค่ะ เกิดเป็นศาลหลักเมืองที่มีความสวยงดงามและยิ่งใหญ่อลังการแห่งนี้ อีกทั้งในอดีตยังเคยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นคือมีรอยแยกบนพื้นถนน ทำให้มีการขุดลงไปพบพระพุทธรูปนาคปรกและวัตถุโบราณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระเครื่องดินเผา กำไลโบราณ และ เครื่องปั้นภาชนะดินเผา ที่นำไปบูชาภายในศาลหลักเมืองอีกด้วยค่ะ

    ที่อยู่ : ถนนเทศบาล3 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
    เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.

9. ศาลหลักเมืองอุดรธานี

ศาลหลักเมืองอุดรธานี สร้างขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2502 และได้มีการอัญเชิญดวงพระวิญญาณของ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ที่ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี มาสถิตย์ ณ เสาหลักเมืองนี้ด้วยค่ะ อีกทั้งยังมีการบรรจุแผ่นยันต์และแก้วแหวนเงินทองต่างๆ จำนวนมากไว้ใต้ฐาน เพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วยค่ะ รวมไปถึงมี ท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อพระพุทธโพธิ์ทอง ให้เราได้สักการะกันด้วยค่ะ

    ที่อยู่ : อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-20.00 น.

10. ศาลหลักเมืองอยุธยา

ศาลหลักเมืองอยุธยา เมื่อก่อนนั้นตั้งอยู่ใกล้กับศาลพระกาฬและสี่แยกตะแลงแกง จนมาถึงสมัยสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2525 ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็ได้มีการสร้างศาลหลักเมืองขึ้นมาใหม่ โดยสร้างเป็นรูปแบบของอาคารมณฑปจตุรมุข ส่วนองค์เสาหลักเมืองนั้น จะทำจากไม้มงคลชัยพฤกษ์ ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปดอกบัวแก้วซ้อนกัน 7 ชั้นด้วยกัน เป็นแหล่งศักดิ์ของเมืองเก่าที่ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

    ที่อยู่ : ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เปิดให้เข้าชม : 09.00-17.00 น.