การเข้ารับการตรวจฟันกับทันตแพทย์เพื่อทำการจัดฟันเด็กแน่นอนค่ะ การตรวจฟันกับทันตแพทย์เพื่อเตรียมตัวจัดฟันในเด็กเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพื่อให้การจัดฟันประสบความสำเร็จและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นี่คือรายละเอียดที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้:
ทำไมเด็กต้องเข้ารับการตรวจฟันก่อนจัดฟัน?
ประเมินพัฒนาการของฟันและกระดูกขากรรไไกร: ทันตแพทย์จะประเมินว่าฟันแท้ขึ้นครบหรือยัง มีฟันคุดหรือไม่ และกระดูกขากรรไกรมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติหรือไม่
ระบุปัญหาและสาเหตุ: หาสาเหตุที่ทำให้ฟันเรียงตัวผิดปกติ เช่น พฤติกรรมในวัยเด็ก (ดูดนิ้ว, ดูดขวดนม), พันธุกรรม, การถอนฟันน้ำนมก่อนกำหนด
วางแผนการรักษาที่เหมาะสม: การตรวจอย่างละเอียดจะช่วยให้ทันตแพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพฟันของเด็กแต่ละคน ซึ่งอาจรวมถึงการจัดฟันแบบถอดได้, จัดฟันติดแน่น, หรือการใช้เครื่องมือพิเศษ
เตรียมสภาพช่องปากให้พร้อม: การจัดฟันต้องทำในช่องปากที่สะอาดและแข็งแรง ไม่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาอื่นๆ
กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสม: การจัดฟันในเด็กบางครั้งอาจทำใน 2 ระยะ คือ ระยะแรก (Phase 1) เมื่อยังมีฟันน้ำนมหรือฟันผสมอยู่ เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างหลักๆ และระยะที่สอง (Phase 2) เมื่อฟันแท้ขึ้นครบ ซึ่งทันตแพทย์จะช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
อายุที่เหมาะสมสำหรับการพาลูกไปพบทันตแพทย์จัดฟัน
โดยทั่วไป แนะนำให้พาเด็กไปพบทันตแพทย์จัดฟันครั้งแรก เมื่อเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบ หรือเมื่อฟันหน้าแท้และฟันกรามซี่แรกเริ่มขึ้น แม้ว่าเด็กจะยังไม่พร้อมจัดฟันในทันที แต่การประเมินตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วย:
ตรวจพบปัญหาแต่เนิ่นๆ: ปัญหาบางอย่าง เช่น ฟันหน้ายื่นมาก, ฟันหน้าล่างคร่อมฟันหน้าบน (Crossbite), หรือปัญหาโครงสร้างกระดูกขากรรไกร สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าในช่วงที่กระดูกของเด็กยังมีการเจริญเติบโตอยู่
วางแผนการรักษาแบบ 2 ระยะ (Two-Phase Orthodontic Treatment): ในบางกรณี การแก้ไขปัญหาโครงสร้างตั้งแต่เด็กจะช่วยลดความซับซ้อนของการจัดฟันในอนาคต หรือหลีกเลี่ยงการผ่าตัดขากรรไกรเมื่อโตขึ้น
สิ่งที่ทันตแพทย์จะตรวจและประเมินในการตรวจครั้งแรก
ในการตรวจครั้งแรก ทันตแพทย์จัดฟันจะดำเนินการดังนี้:
สอบถามประวัติ (Dental & Medical History):
ประวัติสุขภาพของเด็ก
ประวัติการเจริญเติบโตของฟัน
พฤติกรรมในวัยเด็กที่อาจส่งผลต่อฟัน (ดูดนิ้ว, กัดเล็บ, หายใจทางปาก, ดันลิ้น)
ปัญหาที่ผู้ปกครองกังวลเกี่ยวกับฟันของลูก
ตรวจช่องปากอย่างละเอียด (Comprehensive Oral Examination):
ฟัน: ตรวจสอบตำแหน่งฟันแท้และฟันน้ำนม, ฟันผุ, การสบฟัน, ฟันที่ขึ้นผิดที่, ช่องว่างระหว่างฟัน, ฟันซ้อนเก
เหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน: ตรวจสุขภาพเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก
กระดูกขากรรไกร: ประเมินการเจริญเติบโตและความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบนและล่าง
การถ่ายภาพรังสี (X-rays):
ภาพรังสีฟันแบบพาโนรามา (Panoramic X-ray): เพื่อดูฟันทั้งหมด ทั้งที่ขึ้นแล้วและที่ยังไม่ขึ้น รวมถึงกระดูกขากรรไกรและข้อต่อขากรรไกร
ภาพรังสีด้านข้างกะโหลกศีรษะ (Cephalometric X-ray): เพื่อประเมินความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรและฟันในแนวหน้า-หลัง และแนวตั้ง
การพิมพ์ปาก (Dental Impressions):
เพื่อสร้างแบบจำลองฟันของเด็ก (Study Models) ไว้ใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษา
การถ่ายภาพ (Photographs):
ถ่ายภาพใบหน้า (ด้านหน้าและด้านข้าง) และภาพในช่องปาก เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และเปรียบเทียบผลการรักษาก่อนและหลัง
การพูดคุยและวางแผนการรักษากับผู้ปกครอง
หลังจากประเมินทั้งหมดแล้ว ทันตแพทย์จะ:
อธิบายปัญหา: ชี้แจงปัญหาที่พบและสาเหตุ
นำเสนอทางเลือกการรักษา: อธิบายวิธีการจัดฟันที่เหมาะสม, ระยะเวลาที่คาดว่าจะใช้, และค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
แนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสม: บอกว่าควรเริ่มจัดฟันเมื่อไหร่ หรือควรมีการเตรียมตัวอะไรก่อน (เช่น การอุดฟัน, การถอนฟัน)
ตอบข้อสงสัย: เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองสอบถามทุกข้อสงสัย
การเตรียมตัวที่ดีและการร่วมมือกับทันตแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกของคุณมีรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพฟันที่ดีในระยะยาวค่ะ