แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 45
1
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


2
มีทุนจำกัด? ทำไงให้ได้ บริการรถกระบะรับจ้างขนของ สกลนคร ในราคาประหยัด

1. เริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายในการขนย้ายที่ชัดเจน

    กำหนดวัตถุประสงค์ในการขนย้ายสินค้าหรือทรัพย์สิน

การเริ่มต้นด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ในการขนย้ายเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมคุณต้องการขนย้าย หรือสิ่งที่ต้องการขนย้ายคืออะไรบ้าง รถรับจ้างขนย้ายสกลนคร มีบริการต่าง ๆ เช่น ขนส่งสินค้า ขนย้ายที่อยู่ หรือบริการอื่น ๆ ที่อาจต้องการตามความต้องการของลูกค้า เช่น ขนย้ายหน้าบ้านหรือสำนักงาน

    วิเคราะห์สถานการณ์การเงินของคุณ

การวิเคราะห์สถานการณ์การเงินจะช่วยให้คุณมีภาพรวมเกี่ยวกับที่เงินของคุณมาได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม สกลนคร โดยการตรวจสอบรายรับและรายจ่ายประจำ รวมถึงการคำนวณค่าใช้จ่ายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพรับจ้างย้ายของ


2. สำรวจตัวเลือกในการขนย้ายที่คุ้มค่า

    การศึกษาตัวเลือกในการใช้บริการรถรับจ้างขนย้าย

การศึกษาตัวเลือกในการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายเป็นขั้นตอนที่สำคัญเมื่อต้องการหาบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร หรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีหลายประเภทของบริการ หรือค่าใช้จ่ายที่ต้องการพิจารณา ดังนั้นควรศึกษาและเปรียบเทียบราคาและบริการระหว่างบริษัท

    วิธีประหยัดเงินในการขนย้าย

หลังจากที่คุณได้ทราบถึงตัวเลือกของคุณแล้ว ต่อไปคุณจะต้องการทราบวิธีประหยัดเงินในการขนย้าย เพื่อให้คุณสามารถเลือกบริการที่เหมาะสมที่สุดตามงบประมาณของคุณ รถรับจ้างขนย้าย ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงได้แก่ความปลอดภัยและคุณภาพของบริการ รวมถึงเปรียบเทียบราคาและบริการระหว่างบริษัทต่าง ๆ

3. วิธีการตรวจสอบความถูกต้องของค่าใช้จ่าย
 
การตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่าย

หลังจากที่คุณเลือกบริการขนย้ายที่คุ้มค่าแล้ว คุณต้องตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับค่าบริการที่คุ้มค่า บริการขนส่ง จากนั้นคุณสามารถขอใบเสนอราคาจากบริษัทต่าง ๆ และเปรียบเทียบราคารถรับจ้างขนของราคาถูก
แบ่งเคล็ดลับเจ๋ง ๆ เพื่อขนย้ายในราคาประหยัดที่สุด!

เมื่อต้องการขนย้ายในราคาประหยัด นี่คือเคล็ดลับเจ๋ง ๆ ที่คุณควรพิจารณา

    วางแผนล่วงหน้า : การวางแผนล่วงหน้าช่วยให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มต้นโดยกำหนดวัตถุประสงค์และการวางแผนสำหรับวันที่ของการขนย้ายของคุณ

    เลือกบริการที่เหมาะสม : พิจารณาตัวเลือกที่มีให้มากมาย เช่น รถรับจ้างขนย้ายบ้าน บริการขนส่งสินค้า หรือบริการรถบรรทุก และเลือกตามความเหมาะสมและความต้องการของคุณ
    เปรียบเทียบราคา : อย่าละเลยขั้นตอนนี้! เปรียบเทียบราคาระหว่างบริการจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ
    ระวังค่าใช้จ่ายที่ซ่อนเร้น : อย่าลืมตรวจสอบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าบริการเสริม ค่าซื้ออุปกรณ์เสริม หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

    ต่อรองราคาหรือขอส่วนลด : อย่าลืมที่จะต่อรองราคาหรือขอส่วนลดจากบริษัท เป็นเรื่องที่คุณสามารถประหยัดเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ใช้บริการเสริมอย่างมีประสิทธิภาพ : บางครั้ง การใช้บริการเสริมเช่น บริการช่างหรือบริการจัดการสินค้า อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยไม่เสียคุณภาพ
    แบ่งปันรถรับจ้าง : ถ้าเป็นไปได้ คุณสามารถแบ่งปันรถรับจ้างกับผู้อื่นที่มีความต้องการเดียวกัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนย้าย

    หาโปรโมชั่นหรือส่วนลด : ค้นหาโปรโมชั่นหรือส่วนลดจากบริษัทต่าง ๆ ที่อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนย้ายของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ขอคำปรึกษา : อย่าลืมขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น เพื่อให้คุณได้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพสำหรับการขนย้ายของคุณ
    รับชมข้อเสนอและคำแนะนำ : สุดท้าย อย่าละเมิดโอกาสในการรับข้อเสนอและคำแนะนำจากคนอื่น ๆ ที่เคยขนย้ายก่อนหน้านี้ นี่อาจเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าและสามารถช่วยคุณประหยัดเงินได้

ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถขนย้ายในราคาประหยัดและมีประสิทธิภาพได้อย่างมีความสุขและแบบไม่เสียเวลาแน่นอน!รถกระบะรับจ้างขนสินค้าออนไลน์
วิธีการติดต่อจอง บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร

    ติดต่อผ่านโทรศัพท์ : โทรหา บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่มีให้ไว้ เมื่อติดต่อสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการและติดต่อจองได้ทันที
    ส่งอีเมล์หรือกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ : หากไม่สะดวกโทรหา คุณสามารถส่งอีเมล์หรือกรอกแบบฟอร์มจองบริการที่เว็บไซต์ของ บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร ได้ เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อยืนยันข้อมูลและตารางการให้บริการ

    ใช้แอปพลิเคชัน : บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร มีแอปพลิเคชันที่ให้บริการการจองออนไลน์ โดยสามารถดาวน์โหลดและใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้ แอปพลิเคชันนี้ช่วยให้คุณสามารถจองบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยไม่ต้องโทรหา
    ทางสังคมออนไลน์ : บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร มีการติดต่อผ่านทางสังคมออนไลน์ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ค หรืออินสตาแกรม คุณสามารถสอบถามข้อมูลและจองบริการผ่านช่องทางนี้ได้ด้วย

    เยี่ยมชมสถานที่ : หากมีโอกาส คุณยังสามารถเยี่ยมชมสถานที่ของ บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร เพื่อติดต่อหรือทำการจองโดยตรงที่เคาน์เตอร์บริการ
    บริการในเว็บไซต์ : บริการรถรับจ้างขนย้ายสกลนคร มีระบบจองบริการในเว็บไซต์ เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ของพวกเขาและค้นหาส่วนของการจองบริการ จากนั้นกรอกข้อมูลที่จำเป็นและยืนยันการจองได้ทันที

ทำตามขั้นตอนข้างต้นเพื่อติดต่อและจองบริการรถรับจ้างขนย้ายในสกลนครได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย!

ค้นหาบริการขนส่งที่ให้บริการมืออาชีพและปลอดภัยในการขนย้ายที่อยู่ของคุณในสกลนคร? เรามีบริการรถรับจ้างขนย้ายที่คุณสามารถเชื่อถือได้! ด้วยทีมงานมืออาชีพและรถขนส่งคุณภาพสูง เราจะช่วยคุณย้ายไปยังปลายทางใหม่ของคุณอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายที่สุด ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคาและบริการที่คุณคาดหวัง!

3
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media)

หูชั้นกลางอักเสบ หมายถึง การอักเสบของหูชั้นกลางจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

หูชั้นกลางอยู่ด้านหลังของเยื่อแก้วหู และมีท่อที่เชื่อมต่อกับโพรงหลังจมูก (ส่วนบนสุดของคอหอยที่อยู่ด้านหลังของโพรงจมูก) เรียกว่า "ท่อยูสเตเชียน (eustachian tube)" เชื้อโรคที่บริเวณจมูกและคอหอย สามารถเข้าไปในหูชั้นกลาง ทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้

หูชั้นกลางอักเสบสามารถแบ่งออกเป็น หูชั้นกลางอักเสบชนิดเฉียบพลัน และหูชั้นกลางอักเสบชนิดเรื้อรัง (หูน้ำหนวกเรื้อรัง)

โรคนี้พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่จะพบมากในทารกและเด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี หลังอายุ 5 ปีไปแล้วจะพบได้น้อยลง ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งพบได้น้อยลง

เด็กเล็กที่อยู่รวมเป็นกลุ่มในสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาลมีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจและหูชั้นกลางอักเสบได้ง่าย เด็กที่กินนมขวด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูดนมในท่านอนหงาย) มีโอกาสเป็นหูชั้นกลางอักเสบมากกว่าเด็กที่กินนมมารดา เด็กที่เป็นเพดานโหว่ หวัดภูมิแพ้ และผู้ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศและควันบุหรี่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดหูชั้นกลางอักเสบ

ผู้ใหญ่ แม้จะพบโรคนี้ค่อนข้างน้อย แต่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าคนอายุน้อย และอาจพบว่ามีโรคหรือภาวะอื่น (เช่น มะเร็งโพรงหลังจมูก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) ร่วมด้วย ท่อยูสเตเชี่ยนตีบตันจากรังสีบำบัด) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังหรือกำเริบซ้ำซากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยกลางคนและวัยสูงอายุ

สาเหตุ

หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน (acute otitis media) มักเกิดร่วมกับการติดเชื้อในบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น (จมูกและคอ) ได้แก่ ไข้หวัดและทอนซิลอักเสบ บางรายอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของหัด ไข้หวัดใหญ่ ไอกรน ทำให้เชื้อโรคบริเวณจมูกและคอหอยผ่านท่อยูสเตเชียน (eustachian tube) เข้าไปในหูชั้นกลาง เกิดการอักเสบ ทำให้เยื่อบุผิวภายในหูชั้นกลางและท่อยูสเตเชียนบวม และมีน้ำหรือหนองขังอยู่ในหูชั้นกลาง เพราะไม่อาจระบายผ่านท่อยูสเตเชียนที่บวมและอุดตันได้ ในที่สุดเยื่อแก้วหู (ซึ่งเป็นเยื่อบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่างหูชั้นกลางกับหูชั้นนอก) ก็จะเกิดการทะลุเป็นรู น้ำหรือหนองที่ขังอยู่ภายในก็จะไหลออกมากลายเป็นหูน้ำหนวก

บางรายอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคหวัดภูมิแพ้ ซึ่งเกิดจากท่อยูสเตเชียนบวม และเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนตามมา

เชื้อที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ ไวรัส และแบคทีเรีย

ไวรัสที่เป็นสาเหตุของการอักเสบของหูชั้นกลางเป็นกลุ่มเดียวกับที่พบในไข้หวัด ได้แก่ ไวรัสไรโน (rhinovirus), ไวรัสอาร์เอสวี (respiratory syncytial virus/RSV) พาราอินฟลูเอนซา (parainfluenza), ไวรัสโคโรนา (coronavirus), ไวรัสอะดีโน (adenovirus)

แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการอักเสบของหูชั้นกลางที่พบบ่อย ได้แก่ สเตรปโตค็อกคัสนิวโมเนีย (Streptococcus pneumoniae), สแตฟีโลค็อกคัส (staphylococcus), สเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ (group A streptococcus), ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ (Hemophilus influenzae), สูโดโมแนส (pseudomonas)

หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน พบมากในทารกและเด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ซึ่งท่อยูสเตเชียนยังเจริญไม่สมบูรณ์ มีลักษณะสั้น ตีบแคบและเป็นแนวราบตรงมากกว่าในเด็กโตและผู้ใหญ่ จึงมีการโอกาสอุดตันและเกิดการติดเชื้อได้ง่าย

หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (chronic otitis media) ซึ่งเป็นภาวะที่มีการทะลุของเยื่อแก้วหู และมีน้ำหนวก (ของเหลวหรือหนอง) ไหลแบบเรื้อรัง โดยมากจะเริ่มเป็นมาตั้งแต่เด็ก มักเป็นผลมาจากหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันที่ติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง หรือปล่อยให้เป็นเรื้อรังจนแก้วหูมีรูทะลุ

นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุจากแก้วหูทะลุเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ (เช่น จากการใช้ไม้แคะหู การเล่นพลุ ประทัด หรือเสียงระเบิด) หรือจากผลแทรกซ้อนของการรักษาหูชั้นกลางอักเสบด้วยการผ่าตัดกรีดเยื่อแก้วหู (myringotomy) เพื่อระบายหนอง หรือใส่ท่อระบาย (tympanostomy tubes) แต่รูที่เกิดจากการผ่าตัดนั้นไม่สามารถปิดได้เอง

เด็กที่ขาดอาหาร เด็กที่เป็นกลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome) เด็กที่สุขภาพไม่แข็งแรงหรือขาดสุขนิสัยจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าเด็กที่แข็งแรง บางครั้งอาจพบร่วมกับผู้ที่เป็นทอนซิลอักเสบเรื้อรัง ไซนัสอักเสบเรื้อรัง โรคหวัดภูมิแพ้ ผนังกั้นจมูกคด ติ่งเนื้อเมือกจมูก เพดานโหว่ ต่อมอะดีนอยด์โต* หรือมีความผิดปกติของท่อยูสเตเชียนมาแต่กำเนิด

ลักษณะของเยื่อแก้วหูในผู้ป่วยหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน

*ต่อมอะดีนอยด์ (adenoid) เป็นต่อม (หรือปุ่ม) ของเนื้อเยื่อน้ำเหลือง อยู่ที่ด้านข้าง 2 ข้างของเพดานโพรงหลังจมูก (nasopharynx) ใกล้กับรูเปิดของท่อยูสเตเชียน ทำหน้าที่ขจัดเชื้อโรคเช่นเดียวกับทอนซิล (จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "Pharyngeal tonsil" หรือ "Nasopharyngeal tonsil") ในเด็กเล็กต่อมนี้มักมีขนาดโต และหากไปปิดรูของท่อยูสเตเชียน ก็ทำให้เกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบได้


อาการ

หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน มักมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันหลังจากเป็นไข้หวัด เจ็บคอ หรือเป็นโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจอื่น ๆ โดยจะมีอาการปวดในรูหู (แต่ดึงใบหูจะไม่เจ็บมากขึ้น) หูอื้อหรือมีเสียงในหู หูตึงหรือได้ยินไม่ชัด มีไข้สูง หนาวสั่น อาจมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน มีของเหลวหรือหนองไหลออกจากหู (เนื่องจากเยื่อแก้วหูถูกน้ำหรือหนองในหูชั้นกลางดันเป็นรูทะลุ) และหลังจากมีของเหลวไหลออกออกมา อาการไข้และปวดหูมักจะทุเลาลง

เด็กเล็กมักมีไข้สูง ปวดหู (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานอนราบ) นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ เบื่ออาหารร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการชักเนื่องจากไข้สูง มักมีอาการของไข้หวัดหรือไอร่วมด้วย

ทารกจะมีอาการไข้สูง ตื่นขึ้นร้องกวนกลางดึก และร้องงอแงเกือบตลอดเวลา บางรายอาจเอามือจับ ดึง หรือขยี้ใบหูตัวเอง เนื่องมาจากมีอาการเจ็บปวดในหูมากโดยยังพูดไม่ได้ อาจมีอาการไม่ดูดนม อาเจียน หรือท้องเดิน

หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวกเรื้อรัง) มักมีอาการเรื้อรังนานเกิน 3 เดือน ด้วยอาการมีน้ำหนวกไหลตลอดเวลา หรือเป็น ๆ หาย ๆ  มักเกิดขึ้นเวลาเป็นหวัด เจ็บคอ หรือมีน้ำเข้าหู หรือหลังจากเล่นน้ำ หูน้ำหนวกมักมีลักษณะเป็นหนองสีเหลืองหรือสีเขียว

ถ้าเยื่อแก้วหูทะลุเป็นรูใหญ่ถึงขอบแก้วหู และมีขี้ไคลหรือโคเลสเตียโทมา (cholesteatoma) เกิดขึ้นภายในหูชั้นกลางร่วมด้วย หนองที่ไหลออกมามักมีกลิ่นเหม็นมาก หรือมีหนองไหลออกมาเรื่อย ๆ แม้จะให้ยารักษาเต็มที่แล้ว

ผู้ป่วยมักมีอาการหูอื้อ หูตึง หูน้ำหนวก บางรายอาจมีอาการบ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

ส่วนมากจะไม่มีไข้หรือเจ็บปวดในรูหูแต่อย่างใด นอกจากเวลามีการกำเริบของหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน อาจมีไข้ และปวดหูได้


ภาวะแทรกซ้อน

หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้กลายเป็นหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หูชั้นในอักเสบ (จากเชื้อแบคทีเรียลุกลามเข้าไปในหูชั้นใน ทำให้มีอาการหูอื้อ มีเสียงดังในหู และบ้านหมุน) โพรงกระดูกมาสตอยด์อักเสบ (mastoiditis ซึ่งจะมีไข้สูงร่วมกับปวดตรงบริเวณกระดูกมาสตอยด์ตรงหลังหู มีลักษณะบวมแดงร้อน คล้ายหัวฝี) อัมพาตใบหน้าครึ่งซีก หูหนวก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีสมอง

บางรายหลังจากการติดเชื้อหายดีและอาการทุเลาไปแล้ว อาจเกิดภาวะมีน้ำในหูชั้นกลาง (otitis media with effusion) ผู้ป่วยจะรู้สึกแน่น ๆ หรือตัน ๆ ในหู และการได้ยินลดลง มักพบในเด็กเล็กและหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 3 เดือน ในรายที่มีอาการนานเกิน 3 เดือน แพทย์จะทำการรักษาด้วยการใส่ท่อระบาย รวมทั้งทำการตรวจหาและแก้ไขสาเหตุ

หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้เกิดโพรงกระดูกมาสตอยด์อักเสบ ฝีรอบ ๆ หู หูชั้นในอักเสบ หูหนวกสนิท (เนื่องจากกระดูกนำเสียงภายในหูถูกทำลาย หรือประสาทหูเสื่อม) หรือทำลายประสาทใบหน้า (ทำให้กลายเป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก) เชื้ออาจลุกลามเข้าสมอง ทำให้เกิดการติดเชื้อของหลอดเลือดในกะโหลกศีรษะ (sigmoid sinus thrombophlebitis) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือฝีสมอง เป็นอันตรายได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ตรวจพบไข้ ใช้เครื่องส่องหู (otoscope) ตรวจดูหูจะเห็นเยื่อแก้วหูโป่งออกและเป็นสีแดงเรื่อ ๆ

ในรายที่พบว่า มีน้ำหรือหนองไหลออกจากหู (ผู้ซึ่งผู้ป่วยมักจะไม่มีไข้ และหายปวดหู) จะตรวจพบเยื่อแก้วหูทะลุเป็นรู

หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง ใช้เครื่องส่องหู จะพบเยื่อแก้วหูทะลุเป็นรูกว้าง อาจตรวจพบของเหลวในหูชั้นกลาง มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ เป็นมูกหรือหนอง และเนื้อเยื่อสีแดงที่เกิดจากการอักเสบ (granulation tissue) ร่วมด้วย

นอกจากนี้ ในผู้ป่วยที่เยื่อแก้วหูทะลุเป็นรูใหญ่ถึงขอบแก้วหู ซึ่งจัดเป็นหูน้ำหนวกเรื้อรังชนิดที่มีอันตรายร้ายแรงนั้น อาจตรวจพบ "โคเลสเตียโทมา (cholesteatoma)*" ซึ่งเห็นเป็นสารสีขาวคล้ายไข่มุก (white keratin debris)

บางกรณี แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจดูว่าภาวะมีน้ำในหูชั้นกลางด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า "pneumatic otoscope", การตรวจวัดการเคลื่อนไหวของเยื่อแก้วหู (tympanometry), การทดสอบการได้ยิน, การเพาะเชื้อจากหนองที่ออกจากรูทะลุของเยื่อแก้วหู (ที่แตกเองหรือจากที่แพทย์ทำการเจาะเพื่อการวินิจฉัย) เป็นต้น

ในผู้ใหญ่ที่หูชั้นกลางอักเสบข้างเดียวที่เกิดซ้ำซากบ่อย ๆ ซึ่งสงสัยอาจมีสาเหตุจากมีก้อนมะเร็งในโพรงหลังจมูก แพทย์จะทำการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์

ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือเป็นหูน้ำหนวกเรื้อรัง แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพื่อค้นหาสาเหตุและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การทดสอบการได้ยิน เอกซเรย์กระดูกมาสตอยด์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

*โคเลสเตียโทมา เกิดจากการสะสมของเซลล์เยื่อบุหูชั้นนอกที่ตายและหลุดลอก (ขี้ไคล) เคลื่อนที่ผ่านรูทะลุขนาดใหญ่ของเยื่อแก้วหู เข้าไปสะสมในหูชั้นกลางและโพรงกระดูกมาสตอยด์ ขี้ไคลดังกล่าวจะค่อย ๆ สะสมกลายเป็นถุง (ซีสต์) ขี้ไคลก้อนโตขี้นเรื่อย ๆ คล้ายก้อนเนื้องอก เรียกว่า "โคเลสเตียโทมา" ซึ่งเกิดการติดเชื้อง่าย กลายเป็นหนอง (หูน้ำหนวก) ไหลออกมาเรื้อรัง รวมทั้งยังก่อให้เกิดแรงเบียดเสียดทำลายกระดูกหูและกระดูกส่วนฐานของกะโหลก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา


การรักษาโดยแพทย์

1. หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน

(1) แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ ได้แก่ ให้ยาแก้ปวดลดไข้ (เช่น พาราเซตามอล), ใช้ยาชาหยอดหูบรรเทาปวด วันละ 3-4 ครั้ง ถ้าเยื่อแก้วหูไม่มีรูทะลุ

สำหรับผู้ใหญ่ แพทย์จะให้ยาแก้แพ้ในรายที่เป็นหวัดภูมิแพ้, ให้ยาแก้คัดจมูก (เช่น สูโดเอฟีดรีน) เพื่อลดอาการบวมของท่อยูสเตเชียน (จะไม่ใช้สำหรับเด็กเล็ก เพราะไม่มีประโยชน์ และอาจเกิดผลข้างเคียงได้มาก)

(2) แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ผู้ใหญ่ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทุกราย
    เด็กอายุต่ำกว่า 24 เดือน (2 ปี) แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทุกราย
    เด็กอายุตั้งแต่ 24 เดือน (2 ปี) ขึ้นไป ที่มีอาการรุนแรง (มีไข้เท่ากับ 39 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า หรือมีอาการปวดหูรุนแรง) มีหนองไหลออกจากหู หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถติดตามดูอาการภายใน 48-72 ชั่วโมง
    เด็กอายุตั้งแต่ 24 เดือน (2 ปี) ขึ้นไป ที่มีอาการไม่มาก (มีไข้น้อยกว่า 39 องศาเซลเซียส และไม่มีอาการปวดหู หรือปวดหูเล็กน้อย) ซึ่งในระยะแรกแพทย์ให้การรักษาตามอาการ (ยาลดไข้แก้ปวด) หลังนัดมาติดตามดูอาการภายใน 48 ชั่วโมง พบว่าอาการไม่ทุเลา หรือกลับเป็นมากขึ้น (ไข้สูงหรือปวดหูมากขึ้น) แพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะเพิ่มเติม
    เด็กอายุตั้งแต่ 24 เดือน (2 ปี) ขึ้นไป ที่มีอาการไม่มาก (มีไข้น้อยกว่า 39 องศาเซลเซียส และไม่มีอาการปวดหู หรือปวดหูเล็กน้อย) ซึ่งแพทย์ไม่สามารถติดตามอาการได้ภายใน 48-72 ชั่วโมง แพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะรักษาตั้งแต่แรก

แพทย์จะเลือกใช้ยาปฏิชีวนะชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น อะม็อกซีซิลลิน หรือโคอะม็อกซิคลาฟ นาน 10 วัน (สำหรับเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี หรือมีอาการรุนแรง) นาน 5-7 วัน (สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป และมีอาการไม่รุนแรง) ในรายที่แพ้เพนิซิลลินแพทย์จะให้อะซิโทรไมซิน นาน 5 วัน

(3) ในรายที่ให้ยาปฏิชีวนะนาน 48-72 ชั่วโมงแล้วอาการไม่ทุเลา (ยังมีไข้ ปวดหูมาก เยื่อแก้วหูบวมแดง) แพทย์หูคอจมูกจะทำการตรวจรักษาเพิ่มเติม และเปลี่ยนไปใช้ยาปฏิชีวนะตัวใหม่ (เช่น ยากลุ่มเซฟาโลสปอริน เลโวฟล็อกซาซิน เป็นต้น)

บางกรณีอาจต้องใช้เข็มเจาะเยื่อแก้วหู (tympanocentesis) หรือผ่าตัดกรีดเยื่อแก้วหู (myringotomy) เพื่อระบายน้ำหรือหนองออกจากหูชั้นกลาง ซึ่งเยื่อแก้วหูจะปิดได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

ในรายที่มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ (3 ครั้งใน 6 เดือน หรือ 4 ครั้งใน 1 ปี) หรือมีภาวะมีน้ำในหูชั้นกลางหลังจากการอักเสบทุเลาไปแล้ว แพทย์จะทำการผ่าตัดกรีดเยื่อแก้วหูและใส่ท่อระบาย (tympanostomy tube) คาไว้นานเป็นแรมเดือนแรมปีจนกว่าจะหายดี และทำการตรวจหาและแก้ไขสาเหตุ โดยฉพาะอย่างยิ่งในผู้ใหญ่ แพทย์จะทำการตรวจให้แน่ใจว่ามีภาวะร้ายแรง (เช่น มะเร็งโพรงหลังจมูก) ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่

2. หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง

(1) แพทย์จะให้การรักษาโดยใช้อุปกรณ์ (เช่น เครื่องดูด ไม้พันสำลี) ทำความสะอาดช่องหู น้ำหนอง ของเหลว และเนื้อตายในหูชั้นกลางออกให้หมด เพื่อให้ยาหยอดหูสามารถผ่านเข้าไปออกฤทธิ์ต่อเนื้อเยื่อที่อักเสบได้ดี ทำวันละ 2-3 ครั้ง หลังทำความสะอาดหูเสร็จทุกครั้ง ทำการหยอดหูด้วยยาหยอดหูที่มีตัวยาปฏิชีวนะ หรือมีตัวยาปฏิชีวนะผสมกับยาสเตียรอยด์ (ทีมีฤทธิ์ลดการอักเสบ) ในบางรายแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดกินหรือฉีดร่วมด้วย ถ้ามีอาการอักเสบกำเริบเฉียบพลัน (เช่น มีไข้ ปวดหู) ให้กินยาปฏิชีวนะนาน 10 วัน

(2) ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการหูหนวกหูตึงมาก เยื่อแก้วหูทะลุเป็นรูใหญ่ถึงขอบแก้วหู มีฝีขึ้นที่หลังหู หรือมีอาการอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก แพทย์หูคอจมูกจะทำการตรวจรักษาเพิ่มเติมและทำการแก้ไขตามสาเหตุที่ตรวจพบ เช่น รักษาโรคหวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ผนังกั้นจมูกคด ติ่งเนื้อเมือกจมูก ต่อมอะดีนอยด์อักเสบ (adenoiditis) เป็นต้น

ถ้าไม่ได้ผลจะทำการผ่าตัดปะเยื่อแก้วหู (tympanoplasty) โดยนำเนื้อเยื่อส่วนอื่นในร่างกาย (เช่น หลอดเลือดดำ เยื่อพังผืดของกล้ามเนื้อ) มาปะรอบบริเวณรูทะลุบนเยื่อแก้วหู นอกจากนี้บางรายอาจต้องทำการผ่าตัดซ่อมแซมกระดูกน้ำเสียง

ในรายที่มีโคเลสเตียโทมา หรือโพรงกระดูกมาสตอยด์อักเสบเรื้อรัง (chronic mastoiditis) แทรกซ้อน แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด

ผู้ป่วยที่มีปัญหาการได้ยินอย่างถาวร แพทย์จะแนะนำให้ใส่เครื่องช่วยฟัง (hearing aids)

(3) ในรายที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนรุนแรง หรือคอแข็ง หรือสงสัยว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือฝีสมองแทรกซ้อน แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

ผลการรักษา หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันการณ์ ส่วนมากจะหายขาดได้ ในรายที่ได้รับการรักษาล่าช้าไป หรือได้รับยาไม่เพียงพอหรือไม่ถูกต้อง ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาภายหลัง


การดูแลตนเอง

หากสงสัยมีอาการของหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน (เช่น มีไข้ ปวดหู หูน้ำหนวกไหล หรือทารกมีไข้ เป็นหวัด ร่วมกับร้องกวนงอแงไม่หยุด นอนไม่ได้ เอามือดึงใบหู) หรือหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (เช่น มีหูน้ำหนวกไหลเรื้อรัง และหูตึง) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหูชั้นลางอักเสบ ควรดูแลรักษา ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หาทางป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเป็นไข้หวัด
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสถูกควันบุหรี่
    ขณะที่มีน้ำหนวกไหล ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหู โดยใช้สำลีหรือวัสดุอุดรูหู ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูขณะอาบน้ำทุกครั้ง  และงดการลงเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือว่ายน้ำในสระหรือแม่น้ำลำคลองจนกว่าโรคจะหายเป็นปกติ


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

1. สำหรับหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้ตั้งแต่ 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป หรือมีไข้นานเกิน 48 ชั่วโมง
    มีอาการปวดหูมาก (ทารกนอนไม่ได้ ร้องกวนงอแงตลอดเวลา) หรือมีอาการปวดหูนานเกิน 48 ชั่วโมง
    มีน้ำหรือหนองไหลออกจากหู
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึม ไม่ค่อยรู้สึกตัว หรือชัก
    กินยารักษาตามที่แพทย์แนะนำ 48 ชั่วโมงแล้วอาการไม่ทุเลา
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    มีอาการกำเริบใหม่หลังจากรักษาจนอาการหายแล้ว
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


2. สำหรับหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้ หรือปวดหู
    สงสัยมีอาการแทรกซ้อน เช่น ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เดินเซ เห็นบ้านหมุน มีฝีรอบ ๆ หู เป็นต้น
    ดูแลตนเองตามที่แพทย์แนะนำ 1 สัปดาห์แล้วอาการไม่ทุเลา
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

    หาทางป้องกันไม่ให้เป็นไข้หวัด โดยสอนให้เด็กรู้จักล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นไข้หวัด ไม่ไอจามรดกัน เด็กที่เป็นไข้หวัดควรหยุดมาสถานเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียน และพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
    อยู่ในที่ที่ปลอดจากควันบุหรี่ ห้ามไม่ให้คนสูบบุหรี่ในบ้าน
    เด็กเล็กควรกินนมมารดานาน 6 เดือน หากกินนมขวดควรจับตัวตั้งขึ้น อย่าให้อยู่ในท่านอนหงาย
    ไม่แคะ เขี่ย หรือเช็ดขี้หูออกด้วยการใช้ไม้พันสำลี นิ้วมือ หรือวัตถุใด ๆ
    ให้วัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด ไอกรน เป็นต้น และควรปรึกษาแพทย์ถึงความจำเป็นในการให้วัคซีนป้องกันการติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัสนิวโมเนีย (pneumococcal vaccine)

ข้อแนะนำ

ทารกและเด็กเล็กที่เป็นไข้หวัด มีโอกาสเป็นหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าเด็กโตและผู้ใหญ่ ดังนั้น เมื่อทารกและเด็กเล็กที่เป็นไข้หวัด หากมีอาการปวดหู หูอื้อ หรือร้องกวนงอแงตลอดเวลา ควรรีบพาไปพบแพทย์ ถ้าแพทย์ตรวจพบว่าเป็นหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปพบแพทย์ตามนัด และถ้าแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะ ก็ควรกินให้ครบกำหนดระยะเวลาตามที่แพทย์แนะนำถึงแม้อาการจะทุเลาแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หรือหูน้ำหนวกเรื้อรัง

4
ทำอาชีพเสริม จากการขายข้าวผัดหมู เมนูยอดนิยม และรสชาติที่โดดเด่นของอาหารไทย

ข้าวผัดหมูเป็นเมนูยอดนิยมที่แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายและรสชาติที่โดดเด่นของอาหารไทย อาหารจานเดียวจานนี้ผสมผสานหมูชิ้นนุ่มเข้ากับข้าวหอมมะลิ ทำให้ได้เมนูที่น่าพึงพอใจและมีรสชาติที่อร่อยถูกใจทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาอาหารจานด่วนหรืออาหารจานอุ่นๆ เพื่อแบ่งปันกับเพื่อนและครอบครัว ข้าวผัดหมูก็เป็นตัวเลือกยอดนิยมเสมอ

ข้าวผัดหมูให้พลังงานและความร้อนจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุจากผักต่างๆ

ส่วนผสมที่สำคัญ:
หมู : โดยทั่วไปจะใช้เนื้อหมูที่แล่บางหรือหมูบดเพื่อเพิ่มรสชาติที่อร่อยให้กับอาหารจานนี้
ข้าวหอมมะลิ : ข้าวหอมมะลิมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม หอม อร่อย เหมาะเป็นฐานในการผัด ทำให้จานนี้ทั้งอิ่มท้องและหอมอร่อย
ผัก : โดยทั่วไป มักจะใส่หัวหอม มะเขือเทศ และบางครั้งก็มีแครอทเพิ่มเข้าไป เพื่อความกรุบกรอบและความสดใหม่
เครื่องปรุงรส : น้ำปลา ซีอิ๊ว และน้ำตาล จะทำให้ได้รสชาติหวานเค็มที่สมดุล พริกไทยขาวเล็กน้อยจะช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนและเข้มข้น
ไข่ : มักเสิร์ฟไข่ดาวไว้ด้านบนเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับจานอาหาร
เครื่องปรุง : เพิ่มผักชีสด แตงกวา และมะนาวฝานเป็นแว่นเพื่อให้สดชื่น

วิธีการทำอาหาร:
ขั้นตอนการทำเริ่มจากการผัดหมูสไลซ์ในน้ำมันร้อนๆ จนเหลืองกรอบ จากนั้นใส่หอมใหญ่และผักต่างๆ ตามด้วยข้าวหอมมะลิที่หุงสุกแล้ว เคล็ดลับในการทำข้าวผัดหมูให้อร่อยคือต้องทำให้ข้าวแห้งเล็กน้อยก่อนทอดเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊ว และน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมลงตัว จากนั้นเสิร์ฟพร้อมไข่ดาวด้านบน ตกแต่งด้วยสมุนไพรสดและมะนาว

ข้อควรระวัง
ควรเลือกหมูที่มีมันน้อย
ควรปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสในปริมาณที่พอเหมาะ
ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

ทำไมคุณควรลอง:ข้าวผัดหมูเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของอาหารไทยที่ผสมผสานรสชาติหวาน เค็ม เปรี้ยว และเผ็ดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำง่ายแต่ก็อิ่มท้องได้อย่างเต็มที่ หมูกรอบและไข่ที่เข้าคู่กับข้าวสวยทำให้ทุกคำที่กัดลงไปเป็นประสบการณ์ที่แสนสบายและน่ารับประทาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ร้านอาหารริมทางหรือทำอาหารที่บ้าน ข้าวหมูทอดก็เป็นอาหารไทยที่ขึ้นชื่อที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

5
รถรับจ้างราคาถูก นนทบุรีมีของดีมาฝาก รถรับจ้างพร้อมบริการขนย้ายของ พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่าน!!

รถรับจ้างในทุกๆครั้งที่เราได้ออกให้บริการลูกค้า รถรับจ้างจังหวัดนนทบุรี ให้ลูกค้านั้นในเขตนนทบุรีหรือระแวกใกล้เคียงหรือต่างจังหวัดก็ตามขนส่ง ภูมิใจเป็นอย่างมากที่ลูกค้าเลือกใช้และไว้วางใจใช้บริการรถรับจ้างกับเรา และดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสให้บริการช่วยเหลือในการยกของขนย้ายในสิ่งที่เราถนัดและเราจะตั้งใจทำงานให้กับลูกค้าทุกท่าน เราคิดอยู่เสมอว่าการบริการที่ดีไม่ใช่เพียงแค่ราคาถูกและพูดจาดีเท่านั้นต้องมีความเป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์

ดังนั้นจึงต้องยอมรับเลยว่าเราจะไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวังกับ รถรับจ้าง แน่นอนเพราะทำงานด้วยความสามารถที่แท้จริงและตั้งใจรอบคอบ เพื่อจะได้ไม่มีสิ่งของลูกค้าเสียหาย เพราะทางเราก็ได้อบรบฝึกฝนพนักงานมาเพื่อสิ่งนี้โดยตรงอยู่แล้ว เพราะลูกค้าประทับใจรถรับจ้างเราก็จะมีเครดิตเพื่อไปบอกต่อให้กับลูกค้าท่านอื่นเพื่อแสดงความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าคนอื่นๆอีกด้วย ดังนั้นงานที่เรารับจ้างขนของทุกงานที่เราไปจึงเต็มที่อยู่เสมอและตั้งใจเป็นที่สุด

หากคุณต้องการเดินทางเพื่อไปกับรถขนของก็ย่อมได้ เพราะอาจจะได้ควบคุมดูแลสิ่งของนั้นๆเพราะเราเข้าใจเวลาสิ่งของที่หวงไม่ได้อยู่กับตัวจะเป็นกังวน การที่จะเรียกใช้รถรับจ้างจังหวัดนนทบุรี นั้นไม่ยากอย่างที่คิดเพราะสามารถติดต่อเรียกใช้ 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในการติดต่อสอบถามเรื่องราคารถมีไหมหรือจะเป็นโปรโมชั่นพิเศษมีหรือเปล่าก็สามารถถามเจ้าหน้าที่ได้เลยจ้าไม่ต้องเกรงใจหากลูกค้าติดต่อดิวงานกันแล้วทางเราก็จะส่งรถไปที่หน้างานไม่เกิน 3 ชั่วโมง

เพื่อรับของไปยังปลายทางที่กำหนด และ ต้องส่งของให้ตรงเวลาอีกด้วย และที่สำคัญเลยความปลอดภัยต้องมี งานขนของส่วนใหญ่นั้น จะเป็นรถรับจ้างนนทบุรี ขนย้ายสินค้าต่างๆ แต่รถรับจ้างเราไม่ได้รับเพียงเท่านี้ ยังรับขนย้านไซต์งาน ขนย้ายบ้าน ขนย้ายคอนโด ขนย้ายของไปต่างจังหวัด ขนย้ายสินค้าการเกษตรเราก็มี ครบคลุมทุกอย่างเพียงแค่ลูกค้าเอ่ยปากมาเรายินดีจัดให้ เราพร้อมยินดีให้บริการท่านแบบถึงใจและเป็นมิตรอย่างแน่นอน เนื่องจากประสบการณ์ที่เราได้เจอมานั้น มันทำให้เราได้มีน้ำใจพอที่จะมอบส่งต่อให้ลุกค้าด้วย

หากพูดถึงเรื่องเงินแล้วเราสามารถที่จะลดให้พอสมควรที่จะกลางๆเพียงพอที่จะอยู่ได้ทั้ง2ฝ่าย รถรับจ้าง เรานั้นยังตรวจเช็คสภาพรถก่อนที่จะให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานของลูกค้าเจ้านั้น เพียงแสดงถึงความมีมาตรฐานสู่หลักทั่วไป ดังนั้นหากลูกค้าท่านใดสนใจก็สามารถติดต่อมาเลยที่เราได้

6
บริหารจัดการอาคาร: ระบบการจ่ายน้ำภานในอาคารสูงว่าเป็นอย่างไร และมีอะไรบ้าง

ระบบการจัดการน้ำที่ดีภายในอาคารบ้านเรือน ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนเรา โดยระบบน้ำประปานั้น มีส่วนสำคัญคือ การจ่ายน้ำที่สะอาดไปยังจุดที่ใช้งานต่าง ๆ ในปริมาณ และแรงดันที่เหมาะสมกับการใช้งาน นอกเหนือจากนั้น ยังจะต้องมีระบบการสำรองน้ำในกรณีฉุกเฉิน หรือมีการปิดซ่อมระบบภายนอกหรือช่วงขาดแคลนน้ำ และในอาคารบางประเภท ยังต้องสำรองน้ำสำหรับระบบดับเพลิงแยกต่างหากอีกด้วย

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากเป็นอาคารสูงและมีขนาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของคนภายในอาคารนั้นๆ นอกจากนี้ หากเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่และมีคนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในเรื่องของระบบการจ่ายน้ำก็เป็นเรื่องที่จะต้องคำนึงถึงมาเป็นอันดับแรกๆ และต้องมีระบบสุขาภิบาลที่ด้วยด้วย เพื่อให้สะดวกในการจัดการและสะดวกในการบำรุงรักษา ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของระบบการจ่ายน้ำภานในอาคารสูงว่าเป็นอย่างไร และมีอะไรบ้าง

โดยปกติในอาคารสูงทั่วๆไป มักจะมีถังเก็บน้าบนชั้นดาดฟ้าหรือเกือบสูงสุดของอาคาร ทำหน้าที่จ่ายน้ำลงมายังชั้นล่างๆ โดยอาศัยแรงดึงดูดของโลกทำให้น้ำที่ไหลลงมีแรงดันเพิ่มขึ้นตามระดับความสูงของอาคารนั้นๆ ดังนั้น ในกรณีที่ต้องการให้ชั้นบนมีแรงดันน้ำเพิ่มขึ้นจึงต้องอาศัยปั้มน้ำเข้ามาช่วยเสริมแรงดัน ส่วนชั้นล่างสุดหากมีแรงดันน้ำที่สูงเกินไป ก็จะต้องน้ำวาล์วลดแรงดันเข้ามาช่วย เพื่อไม่ให้แรงดันน้ำสูงเกินไปจนใช้งานลำบากหรือป้องกันท่อส่งน้ำแตกหรือชำรุดได้
สำหรับหลักการจ่ายน้ำภายในอาคารจะมีด้วยกัน 2 ลักษณะคือ ระบบจ่ายน้ำด้วยความดัน  เป็นการจ่ายน้ำโดยอาศัย การอัดแรงดันน้ำ ในระบบ ท่อประปาจากถังอัดความดัน เป็นระบบที่ใช้กับความสูงไม่จำกัด ทั้งยังไม่ต้องมีถังเก็บน้ำไว้บนดาดฟ้าอาคาร และอีกลักษณะคือ ระบบจ่ายน้ำโดยแรงโน้มถ่วง  ซึ่งเป็นการสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้บนดาดฟ้าแล้ว ปล่อยลงมาตามธรรมชาติ ตามท่อต้องเป็นอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 10 ชั้น ขึ้นไป ถือเป็นระบบ ที่ไม่ซับซ้อนไม่ต้องใช้ไฟในการจ่าย

แต่จะต้องเตรียมถังเก็บน้ำไว้บนดาดฟ้า จึงต้องคำนึงถึง เรื่องโครงสร้างในการรับน้ำหนักด้วย ดังนั้น ระบบน้ำในอาคารสูง ก็จะค่อนข้างเหมือนกัน โดยจะประกอบบไปด้วยถังเก็บน้ำใต้ดิน ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ไม่มีพื้นที่ในการติดตั้งเพียงพอและต้องการให้ดูเรียบร้อยสวยงาม การบำรุงดูแลรักษาทำได้ยาก ดังนั้นการก่อสร้าง และการเลือก ชนิดของถังต้องมีความละเอียดรอบคอบ ถังเก็บน้ำบนดาดฟ้า ปั๊มน้ำที่สูบจ่ายน้ำขึ้นถังเก็บบนดาดฟ้า ปั้มน้ำเสริมแรงดัน ที่จะช่วยทำหน้าที่จ่ายน้ำเข้าสู่อาคารและสุขภัณฑ์ต่างๆ

 อย่างไรก็ตาม ระบบจ่ายน้ำประปาที่ดี ขึ้นอยู่กับความสูงของอาคาร หากเป็นอาคารขนาดเล็กกว่าสามชั้น สามารถใช้ระบบจ่ายน้ำขึ้นผ่านถังเก็บชั้นล่าง แต่ถ้าเป็นอาคารที่สูงกว่าสามชั้นขึ้นไป ต้องทำเป็นระบบจ่ายน้ำลง โดยเราต้องมีถังเก็บน้ำไว้ด้านบนของอาคาร สามารถติดตั้งปั๊มน้ำหรือวาล์วปิดเปิดเพื่อควบคุมแรงดันน้ำให้เหมาะสมสำหรับแต่ละชั้นได้ แต่สิ่งที่ควรระวัง ก็คือยิ่งอาคารมีความสูงมาก

ความดันน้ำก็จะยิ่งเยอะ และระบบน้ำก็อาจจะล้มได้ เช่นกรณีที่ท่อแตกเพราะรับแรงดันน้ำไม่ไหว หากอาคารมีความสูงมากกว่า 12 ชั้น หรือมากกว่า 56 เมตรขึ้นไป ระบบน้ำจะเริ่มมีปัญหาเรื่องความดันน้ำ สามารถแก้ได้ด้วยวิธีการติดตั้งวาล์วต่างๆเพื่อช่วยลดความดันท่อตามชั้นต่างๆ และข้อแนะนำก็คือให้เลือกอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานสูงไว้ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหาในภายหลัง

7
มาดู 7 วิธีแต่งบ้านสไตล์มินิมอล และเลือกของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะ

การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเป็นอีกหนึ่งสไตล์ของการตกแต่งบ้านและที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมอย่างไม่แผ่วเลย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อย กับการแต่งบ้านแบบน้อยแต่มากแบบมินิมอล (Minimal style) ด้วยจุดเด่นอันแสนหลากหลายทั้งสไตล์แบบเฉพาะตัวพร้อมค่าใช้จ่ายที่ไม่แรงเกินไป ไม่แปลกที่การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจะมาแรง วันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการแต่งบ้านแบบมินิมอลว่ามันเป็นยังไงกันแน่ และเผื่อว่าใครที่อยากแต่งบ้านสไตล์นี้ดูบ้าง เราก็ไม่พลาดที่จะนำเทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งห้องหรือบ้านของคุณให้ออกมาในสไตล์มินิมอลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รับรองว่าการจัดบ้านสไตล์มินิมอลจะทำให้ดูน่าอยู่มากขึ้นแน่นอน!

แต่งบ้านสไตล์มินิมอล (Minimal Style) หมายถึงอะไร

“ใช้สีโมโนโทน”

“การจัดวางเป็นดูเรียบร้อย”

“เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น”

“เรียบง่ายแต่ดูดี”

“น้อยแต่มาก”

เมื่อพูดถึงการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลแล้ว ประโยคข้างบนนี้คงเป็นประโยคที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินได้เห็นผ่านตามาไม่มากก็น้อย ‘Minimal Style’ สไตล์การตกแต่งที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมาสักพักแล้วนี้ หมายถึง สไตล์การตกแต่งที่เน้นความเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มีประโยชน์ใช้สอย เลือกสิ่งตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ตามจำเป็น มีการจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย

ฟังดูเหมือนง่ายใช่ไหมคะ? ก็แค่ไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เยอะ เอาเฉพาะที่จำเป็น แล้วก็ซื้อสีเดียวกันมาอยู่ด้วยกันก็พอ แต่จริงๆ การตกแต่งบ้านสไตล์นี้ไม่ได้ทำกันง่ายขนาดนั้น ตอนเลือกเฟอร์นิเจอร์ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะแต่งยังไงให้สวย อบอุ่นน่าอยู่ แล้วดูมินิมอลด้วย ต้องบาลานซ์การตกแต่งและวางแผนล่วงหน้าไว้หลายสเต็ปทีเดียว

นักตกแต่งภายในหลายคนเคยพูดถึงการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลไว้ว่า ความมินิมอลต้องมาคู่กับฟังก์ชันที่ครบครัน เรียกได้ว่าน้อยอย่างเดียวไม่พอ แต่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งจะต้องเอื้อให้สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้ด้วย

จุดสำคัญของการแต่งบ้านให้ออกมาเป็นสไตล์มินิมอล

สำหรับผู้ที่สนใจจัดบ้านแบบมินิมอล การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดสำคัญทั้งเรื่องสีสันบ้านโทนมินิมอล การเลือกเฟอร์นิเจอร์มินิมอล ไปจนถึงไอเดียแต่งห้องมินิมอลจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ สวยงามดังที่คาดหวังเอาไว้

• มีโทนสีแบบโมโนโทนหรือเรียกว่า Monochromatic และมักจะใช้สีอ่อนๆ

• ในการออกแบบจะต้องออกแบบให้มีการนำเส้นสายตาที่ตรงและคม

• การคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาใช้งานจะน้อยชิ้น แต่การใช้งานต้องครบครัน

• การจัดพื้นที่ในห้องให้ดูมีที่ว่างเยอะ และดูกว้างขวาง

• พื้นผิวในจุดต่างๆ ทั่วห้องต้องดูมีที่ว่าง โล่ง และสะอาดตา ของตกแต่งน้อยชิ้น

• ของน้อย ตกแต่งเรียบง่าย แต่ต้องดูน่าอยู่ อบอุ่น และไม่ทิ้งความมีสไตล์

• เน้นที่คุณภาพของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งมากกว่าปริมาณสิ่งของ

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเหมาะกับใคร

การตกแต่งมินิมอลฟังดูยากมากสำหรับยุคสมัยนี้ที่เต็มไปด้วยการช็อปปิ้งออนไลน์ ซื้อสิ่งของต่างๆ เข้าบ้านกันง่ายดายจนแทบไม่มีที่เก็บ เห็นอะไรก็น่าซื้อน่าลองไปหมด การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลนั้นไม่ได้จบที่การตกแต่ง แต่จะต้องปรับพฤติกรรมการซื้อของใช้เข้าบ้านให้มินิมอลตามไปด้วย ซื้อแต่ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

อาจเรียกได้ว่า มินิมอลนั้นเป็นมากกว่าแค่การแต่งบ้าน แต่เป็นแนวคิดที่มาคู่กับการสร้างไลฟ์สไตล์และการอยู่อาศัย ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ช่วยให้ใส่ใจคุณภาพให้มากกว่าปริมาณ (และประหยัดในระยะยาว)

การตกแต่งสไตล์มินิมอลเหมาะกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่มักจะถูกมองว่าเป็นที่นิยมในหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่นิยมความเรียบง่ายแต่เก๋และมีสไตล์

ต่อไปเราไปดูกันดีกว่าว่าวิธีการตกแต่งบ้านของคุณให้เป็นสไตล์นี้ต้องทำยังไง มีทิปส์หลายอย่างตั้งแต่เทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ การเลือกใช้สี และการจัดการพื้นที่ใช้สอย มาดูกัน!

ทริคแต่งบ้านและเลือกเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล (Minimal style)

เพื่อให้การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเกิดความสวยงาม น่าประทับใจ ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการสำหรับเจ้าของบ้าน ลองมาศึกษาทริคการแต่งบ้านไปจนถึงการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอลเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ตอบโจทย์ตามสิ่งที่คาดหวังเอาไว้อย่างแน่นอน

1. เริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช่ก่อน

สิ่งสำคัญที่สุดในการตกแต่งบ้านไม่ว่าจะสไตล์ใดก็ตามคือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งการเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล การเลือกเฟอร์นิเจอร์ยิ่งต้องพิถีพิถัน หลักการเลือกเฟอร์นิเจอร์มีอยู่ว่า

• เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่าย พื้นผิวไม่เน้นลวดลาย

• ดีไซน์มีความสวยงาม ไม่ตกยุคง่าย ดูมีคุณภาพ และคงทน

• สีอ่อนหรือเข้มก็ได้ แต่ให้ไปในโทนสีเดียวกันตลอด

• เลือกเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันจริงๆ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่คิดว่าเราอยู่ได้โดยไม่ต้องซื้อมันมาก็ให้ตัดออก

• การออกแบบมีลักษณะและรูปเป็นเส้นตรงและคม ไม่มีลวดลาย

ราวแขวนผ้าทำจากไม้สัก เรียบง่ายดูดี สามารถเลือกสีได้ (อ่านรายละเอียดสินค้า)

2. พื้นที่บนชั้นวางของไม่รก เน้นโล่งสบายตา

พื้นที่ต่างๆ ที่มองเห็นในไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะ บนชั้นวางของ หรือเป็นพื้น จะต้องมีพื้นที่เหลือให้มากหน่อย วางตกแต่งหรือวางเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรมีของวางอัดแน่นเต็มพื้นที่ แม้จะเรียงด้วยความเป็นระเบียบก็จะแค่ดูเป็นระเบียบ แต่ก็ยังผิดไปจากหลักความมินิมอลที่เน้นความโล่งสบายตา อย่างที่บอกว่าของที่เก็บก็ควรเป็นของใช้ที่จำเป็นต้องใช้ทุกวันจริงๆ เน้นประโยชน์ใช้สอย ของสะสมเอย ของดูต่างหน้าเอย ให้เก็บเข้ากล่องในห้องเก็บของไว้จะดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นไอเดียแต่งห้องนอนมินิมอลด้วยแล้ว การมีพื้นที่สะอาด ดูไม่รกตา จะช่วยเพิ่มความโล่งสบาย ไม่อึดอัดอีกด้วย

3. ควรเลือกใช้สีอ่อน หรือสีโมโนโทน

สีที่เลือกใช้ไม่ว่าจะกับเฟอร์นิเจอร์หรือผนังห้อง ควรเลือกใช้สีที่ดูกลาง ๆ และดูคลาสสิค เช่น สีขาว สีเบจ สีเทา หรือสีที่ดูธรรมชาติเอิร์ธโทนอย่างสีน้ำตาล ที่มีให้เลือกอยู่หลายเฉด แต่อย่าลืมว่าต้องคุมโทนให้เป็นโทนเดียวกันตลอด ไม่เอามายำรวมกันไปเรื่อย ให้เลือกสีหลัก แล้วเพิ่มมิติด้วยการตกแต่งด้วยสีอื่นเข้าไปแทน แบบนี้จะทำให้บ้านดูเป็นธรรมชาติไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เกิดความสับสนของโทนสี ไม่รู้สึกขัดหูขัดตา สร้างความน่าอยู่อาศัยมากขึ้นกว่าเดิม

4. น้อยแต่โก้ แต่ฟังก์ชันก็ต้องมา

ไม่ใช่แค่สำหรับการแต่งบ้านในสไตล์มินิมอลนะคะ ไม่ว่าจะสไตล์ไหน ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์นั้นต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและการใช้งานควบคู่กันไปกับความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์ด้วย แต่ก็ไม่ต้องยึดติดมากไปว่าจะต้องใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ไซน์สุดล้ำ หัวใจสำคัญก็อย่างทำเราย้ำตลอดเลยคืออยู่ที่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ใช้งานจริง และเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกมาแบบมาอย่างคำนึงถึงผู้ใช้ และพื้นที่การใช้สอย ไม่กินที่โดนใช่เหตุ ไม่หวือหวาลวดลายเยอะ มีความเป็นโมเดิร์นเรียบๆ นี่คือเสน่ห์ที่จะช่วยเสริมความมินิมอลของบ้านคุณให้เปล่งประกายยิ่งกว่าเคย คำว่าน้อยแต่มากไม่ใช่แค่ทำพูดเก๋ ๆ แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงการเข้าใจความเป็นมินิมอลอย่างแท้จริง

5. เลือกไฟและของตกแต่งที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น

มากกว่าที่จะบอกว่าเป็นการเลือกไฟ ต้องพูดว่าการจัดไฟในห้องดีกว่า เพราะการเน้นความเรียบง่ายอาจทำให้ห้องดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา การจัดแสงให้ห้องดูอบอุ่นนั้นมีความสำคัญ ห้องสไตล์มินิมอลควรมีลักษณะที่สว่างไสว มีแสงแดดลอดเข้ามา หน้าต่างควรเป็นแบบเรียบๆ ผ้าม่านไม่มีลวดลาย

ในส่วนของการตกแต่งควรใช้ของตกแต่งน้อยชิ้น แต่ละชิ้นนอกจากจะตกแต่งแล้ว ควรจะได้ใช้งานจริงด้วย ไม่ใช่เอามาวางทิ้งไว้เฉยๆ ของตกแต่งของห้องสไตล์มินิมอลส่วนใหญ่จะเน้นอะไรก็ตามที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เนื่องจากภาพรวมห้องจะดูเคร่งขรึมอยู่แล้วด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ การใช้สีอะไรต่างๆ ที่เน้นเรียบๆ ดีเทลของตกแต่งจริงควรเป็นส่วนที่เพิ่มชีวิตชีวา และความอบอุ่นน่าอยู่

การตกแต่งเพื่อความสวยงามอย่างเดียว ไม่เน้นใช้งานก็ใช้ว่าจะทำไม่ได้ สามารถทำได้ แต่ทำน้อยๆ และเน้นการตกแต่งที่เป็นสีโมโนโทน ไม่ฉูดฉาดละลานตาเกินไป

6. ใช้ Slatted walls เข้ามาช่วยในการตกแต่ง

Slatted walls คือแผ่นไม้ที่มาเรียงต่อๆ กันอาจเป็นบนผนังบ้าน กำแพงบ้าน หรือพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ก็ได้เช่นกัน นับเป็นลักษณะของการตกแต่งภายในที่เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์เฉพาะตัว คุมโทนได้แบบกำลังพอดี ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ดูธรรมดามากนัก ทำให้ห้องหรือพื้นที่เรียบๆ ดูมีโมเดิร์นขึ้น แต่ไม่ฉูดฉาดหรือยุ่งเหยิงจนเกินไป เป็นอีกความเหนือระดับที่ควรค่ากับการนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรับตกแต่งห้องแบบมินิมอล

7. ตกแต่งด้วยสีเขียวของต้นไม้

เป็นที่นิยมอย่างมากกับการปลูกต้นไม้ในบ้าน หากแต่งห้องออกมาดูแล้วเรียบเกินไป อยากจะแต่งห้องด้วยสีเขียวของต้นไม้รับรองว่ายังไงก็ไปกันได้กับสไตล์มินิมอล เพียงแต่ต้องอย่าตกแต่งเยอะเกินไป ต้นไม้ที่เลือกก็ไม่ควรจะฉูดฉาดหรือดูรก อาจจะเป็นต้นกระบองเพชรที่ดูเรียบ ๆ หรือต้นไม้ใบสีเขียวเข้มไม่มีลวดลายหวือหวา ไปจนถึงบรรดาต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น ยางอินเดีย ลิ้นมังกร เดหลี เฟิร์นบอสตัน เป็นต้น ซึ่งการมีต้นไม้ในบ้านยังถือเป็นจุดพักสายตาได้อย่างดีหากรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน

จบกันไปแล้วกับ 7 เทคนิคการแต่งบ้านแบบมินิมอล พอจะรู้แนวทางกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าหัวใจสำคัญของการแต่งบ้านสไตล์นี้ให้ออกมาเรียบแต่มีสไตล์นั้นต้องทำยังไง รับรองว่าถ้าก้าวสู่ความเป็นมินิมอล นอกจากจะได้ห้องสวยๆ แล้ว ยังทำให้ผ่อนคลาย สบายใจ ไม่ต้องมาเสียสุขภาพจิตกับอะไรที่รกหูรกตาอีกด้วย ถ้าสนใจก็อย่าลืมลองวางแผนดูนะคะว่าต้องซื้ออะไรบ้าง

8
จัดฟันบางนา: สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเข้ารับการจัดฟันแบบใส

หลายคนที่มีปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟัน ที่กำลังมองหาวิธีแก้ไขปัญหาและการรักษาที่ถูกต้องและตรงจุดก็คงหนีไม่พ้นการเข้ารับการจัดฟัน ยิ่งถ้า ใครที่มีปัญหาในเรื่องของรูปร่างของฟัน ลักษณะของฟัน เช่น ฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก หรือฟันที่สบกันผิดปกติ ก็อาจจะใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟันซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกในวิธีแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพมาก แต่การจัดฟันก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นแบบที่เรามักจะเห็นกันทั่วไปกับอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมและมีคนให้ความสนใจมาก

นั่นก็คือ การจัดฟันแบบใส ซึ่งเป็นการรักษาที่ใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ของวงการทันตกรรมที่มีการนำมาใช้ในการวางแผนการรักษาและออกแบบเครื่องมือการจัดฟันที่แสดงผลออกมาเป็นลักษณะของ 3D ซึ่งช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเห็นแผนการรักษาของทันตแพทย์ได้และยังได้ทราบถึงระยะเวลาการจัดฟันและการเคลื่อนตัวของฟันอีกด้วย อย่างที่บอกว่า การจัดฟันแบบใสนั้นได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจของใครหลายๆคน ที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็จะมีคลินิกหรือสถานการบริการทางด้านทันตกรรมต่างๆมากมายที่ให้บริการทางด้านการจัดฟันแบบใส ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถเลือกว่าเราจะเข้ารับบริการที่ไหน โดยการจัดฟันแบบใสนั้นเราก็จะต้องพิจารณาในหลายๆด้าน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนเข้ารับการจัดฟันแบบใสเพื่อให้คุณได้ตัดสินใจก่อนเข้ารับการรักษาและมั่นใจว่าคุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และกลับมามีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติอีกครั้งอย่างมั่นใจ

ซึ่งอย่างแรกที่เราควรพิจารณาก็คือ คลินิกที่ให้บริการ สำหรับการจัดฟันแบบใส ทันตแพทย์จะต้องได้รับการรับรองให้สามารถทำการจัดฟันแบบใสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทันตแพทย์ที่มีทักษะและได้รับการฝึกอบรมในวิธีการจัดฟันแบบใสต่อมาคือ ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการจัดฟันในรูปแบบที่เลือกจะต้องทำให้ฟันของเราดูสวยเป็นธรรมชาติเมื่อการจัดฟันสิ้นสุดลง เพราะจะถือว่าผลการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ต่อมาก็คือในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นของการรับคำปรึกษา เพราะฉะนั้น เราควรประเมินราคาของการจัดฟันเข้าคร่าวๆตามความเหมาะสมและควรเลือกแพ็คเกจที่เหมาะสมกับปัญหาฟันของเรา นอกจากนี้ ในเรื่องของระยะเวลาของการจัดฟันและความถี่ในการเข้าพบทันตแพทย์ก็เป็นสิ่งที่เราควรพิจารณาด้วยและที่สำคัญที่สุดก็คือความรู้สึกสบายในการจัดฟัน รวมไปถึงเครื่องมือการจัดฟันที่อาจจะสามารถสร้างความระคายเคืองให้กับช่องปากของเราได้

เพราะฉะนั้น เราจะต้องปรึกษากับแพทย์และพูดคุยถึงปัญหาที่เรากังวลอย่างละเอียดเพื่อที่จะได้ทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวในระหว่างการจัดฟันและความสะดวกสบายในการใช้เครื่องมือการจัดฟันแบบใส เพราะเครื่องมือการจัดฟันสามารถถอดออกได้ เพื่อให้คุณได้ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง ทั้งหมดนี้ก็คือปัจจัยหลักที่เราควรพิจารณาก่อนเข้ารับการจัดฟันแบบใสเพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลและนำไปประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับการรักษา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือในเรื่องของความปลอดภัยเราจะต้องเลือกคลินิกที่มีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงควรเลือกคลินิกที่มีความทันสมัย มีเครื่องมือที่มีความสะอาดเพื่อจะทำให้คุณได้มั่นใจว่าภายหลังจากการรักษาเสร็จสิ้นลงแล้วคุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามตามแผนการรักษาของทันตแพทย์

ทั้งนี้ ทางคลินิกของเราก็มีทีมทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ทางด้านการจัดฟันมาอย่างยาวนาน ผ่านการอบรมในวิธีการจัดฟันแบบใสและยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรม นอกจากนี้ ทางเรายังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนที่สนใจที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส

9
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กลากน้ำนม (Pityriasis Alba)
   
กลากน้ำนม (Pityriasis Alba) หรือเกลื้อนน้ำนม เป็นโรคผิดปกติทางผิวหนังที่เกิดจากการลดจำนวนของเม็ดสีที่ผิวหนังลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สีผิวบริเวณนั้นจางลงเป็นวงด่าง โดยในช่วงแรกอาจเป็นผื่นชมพูอ่อน ๆ แห้งและตกสะเก็ด คล้ายอาการผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema)

โรคกลากน้ำนมสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักเกิดกับเด็กและวัยรุ่นได้มากกว่าวัยอื่น โรคกลากน้ำนมมักสามารถหายได้ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานานเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี โดยการรักษาโรคกลากน้ำนมส่วนใหญ่คือการดูแลตนเอง

นยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดของโรคที่แน่ชัด แต่พบว่าสัมพันธ์กับอาการผิวแห้งและโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) ซึ่งจัดว่าอยู่ในกลุ่มโรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) ที่อาจเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไวกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าการโดนแดดบ่อย ๆ และอากาศแห้งมักทำให้รอยด่างปรากฏชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการเกิดโรคกลากน้ำนม เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต ภาวะร่างกายขาดสารทองแดง หรือเชื้อรา (Malassezia  Yeasts) ที่อาจกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์สร้างเม็ดสีจนทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีน้อยลงจนเกิดเป็นรอยด่าง

กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อการเป็นกลากน้ำนมได้ง่าย

เด็กและวัยรุ่นในช่วงอายุ 6-12 ปี พบการเกิดโรคได้ประมาณ 2-5% โดยเฉพาะในเด็กที่มีประวัติเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและการอักเสบของผิวหนังที่มีอาการคันร่วมด้วย
เด็กที่อาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ
ผู้ที่โดนแดดบ่อย ๆ โดยไม่ทาครีมกันแดด
การวินิจฉัยโรคกลากน้ำนม
แพทย์จะสอบถามประวัติผู้ป่วยในเบื้องต้น ตรวจดูสภาพผิวและตำแหน่งรอยด่างที่เกิดตามร่างกาย แต่ในบางรายอาจต้องตรวจด้านอื่นเพิ่มเติม เพื่อช่วยยืนยันผลการวินิจฉัย เนื่องจากโรคกลากน้ำนมมีอาการคล้ายคลึงกับโรคที่มีภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น (Hypopigmentation) อื่น ๆ เช่น โรคกลาก โรคเกลื้อน ซึ่งทำให้สีผิวซีดจางกว่าสีผิวปกติข้างเคียงเช่นเดียวกับโรคกลากน้ำนม

การตรวจด้านอื่นเพิ่มเติมเมื่อแพทย์ต้องวินิจฉัยแยกโรคกลากน้ำนมออกจากโรคอื่น เช่น

การตรวจด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (Wood Lamp Examination) เป็นการใช้ไฟส่องไปยังบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยด่างด้วยเครื่องมือพิเศษ หากพบว่าเป็นโรค จะทำให้มองเห็นผิวบริเวณนั้นเรืองแสง
การขูดตัวอย่างผิวหนังส่งตรวจ (Skin Scraping) โดยแพทย์จะขูดเอาตัวอย่างผิวบริเวณที่เป็นรอยด่างส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูชนิดของเชื้อรา
การตัดชิ้นเนื้อ (Skin Biopsy) โดยตัดชิ้นผิวหนังที่เป็นรอยด่างบางส่วนออกมาตรวจวิเคราะห์ ซึ่งช่วยให้ทราบว่าเกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังและจำนวนเม็ดสีที่ลดลง แต่มักไม่ต้องตรวจถึงขั้นนี้


การรักษาโรคกลากน้ำนม

โดยทั่วไปโรคกลากน้ำนมสามารถหายได้เอง แต่อาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปีจนกว่าสีผิวจะกลับมาเป็นปกติ การรักษาส่วนใหญ่มักเป็นการดูแลตนเองโดย

ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมทาผิวบริเวณที่เป็นรอยด่าง เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ไม่แห้ง ลอกเป็นขุยมากขึ้น
ในรายที่เกิดอาการคันรุนแรง อาจต้องใช้ยาทาผิวช่วยบรรเทา ซึ่งมีทั้งแบบมีสเตียรอยด์อ่อน ๆ และไม่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม เช่น ยาไฮโดรคอร์ติโซน  (Hydrocortisone) ยาพิเมโครลิมัส (Pimecrolimus) ยาทากลุ่มต้านแคลซินูริน (Calcineurin Inhibitors) ยาทาโครลิมัส (Tacrolimus)
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกชนิดสำหรับผิวแพ้ง่าย
ไม่ควรอาบน้ำที่มีอุณหภูมิอุ่นเกินไป และเลือกใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว
อย่างไรก็ตาม โรคกลากน้ำนมสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้หลังการรักษา แต่ส่วนใหญ่หากเป็นในเด็กมักจะหายไปเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่


ภาวะแทรกซ้อนของโรคกลากน้ำนม

โรคกลากน้ำนมแทบไม่พบภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยอาจพบปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่ตัวโรคส่งผลให้เกิดความไม่สวยงามบนผิวหนัง รวมทั้งผิวหนังที่จะไวต่อแสงแดดมากขึ้นเมื่อต้องโดนแสงแดดเป็นเวลานาน


การป้องกันโรคกลากน้ำนม

โรคกลากน้ำนมไม่สามารถป้องกันได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากสาเหตุการเกิดมาจากหลายปัจจัย แต่สามารถลดความเสี่ยงของโรคได้โดยการดูแลผิวให้ชุ่มชื่นด้วยการทาครีมอยู่เสมอ ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดเป็นประจำ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้าย และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว

12
จัดฟันบางนา: เครื่องมือ Invisalign เคลื่อนฟันของท่านได้อย่างไร
 
การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมีผลการรักษาที่แม่นยำและการจัดฟันแบบใสยังไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งแน่นอนว่า ใครที่เคยผ่านการเข้ารับการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันในรูปแบบไหน ย่อมมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน เพราะฟันถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่เราจะต้องใช้งานทุกวัน การที่เรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย หากเราดูแลไม่ดี

ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องมีระเบียบวินัยในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จะต้องดูแลรักษาความสะอาดให้ดีมากเป็นพิเศษ เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นอาจจะทำให้เราทำความสะอาดช่องปากได้ไม่สะดวก จึงอาจจะมีเศษอาหารตกค้างภายในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุและกลิ่นปาก รวมไปถึงการก่อตัวของคราบหินปูนได้ แต่การเข้ารับการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟันจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยังสามารถรับประทานอาหารได้ตามใจชอบ โดยไม่มีข้ออจำกัดในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน เพราะสามารถถอดเครื่องมือออกได้ขณะรับประทานอาหาร หลายคนที่กำลังสนใจจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส อาจจะมีข้อสงสัยว่า ในเมื่อเราสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ แล้วเครื่องมือการจัดฟันจะช่วยทำให้เรามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามได้อย่างไร
 
วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการทำงานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ที่ต้องบอกว่า เป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา จึงทำให้การจัดฟันแบบใสได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันแบบใส  หรือ เครื่องมือ Invisalign เป็นนวัตกรรมการจัดฟันแบบใหม่ เน้นความสวยงามเป็นหลักเนื่องจากเครื่องมือมีความโปร่งใส ช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน เป็นเครื่องมือจัดฟันที่สามารถถอดใส่ได้สะดวก ไม่ต้องทนเจ็บจากเครื่องมือแบบติดแน่น สามารถถอดใส่ง่าย รับประทานอาหารหรือเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

ซึ่งในระหว่างการจัดฟันที่ใส่เครื่องมือนี้ เครื่องมือจะทำการขยับฟันของท่านไปทีละน้อยๆ จนกระทั่ง ฟันทั้งหมดของผู้เข้ารับการจัดฟันเคลื่อนไปสู่ตำแหน่งที่ทันตแพทน์ได้วางแผนเอาไว้ สำหรับหลักการทำงานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใสจะใช้การเปลี่ยนรูปร่างทีละน้อยด้วยแรงที่เบามาก จนไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดฟัน และในเครื่องมือแต่ละชิ้นที่ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องเข้ารับการปรับเครื่องมือเพื่อสร้างแรง โดยแผ่นพลาสติกใสด้านที่สัมผัสกับฟันจะค่อยๆ ส่งแรง เพื่อเคลื่อนฟันไปสู่ตำแหน่งที่กำหนดไว้ได้

ดังนั้น ข้อที่สำคัญที่สุดของกาเข้ารับการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันตามที่ทันตแพทย์กำหนด คือ วันละ 20-22 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องมือการจัดฟันได้ทำงานอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ก็คือ หลักการทำงานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใส หรือ เครื่องมือ Invisalign ที่มีคาวมสะดวก ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเวลาที่เครื่องมือทำงาน

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเรามีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและมีทันตแพทย์คอยให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง เพราะทันตแพทย์ของเราผ่านประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมเป็นอย่างดี ด้วยการการันตีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรม

ทั้งนี้ ทางคลินิก ของเรายังได้รับการรับรองสูงสุดจาก INVISALIGN ให้สามารถให้บริการจัดฟันแบบใสได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะการจัดฟันแบบใสจะต้องทำกับทันตแพทย์ที่ผ่านการรับรองแล้วเท่านั้น เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

13
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไข้ฉี่หนู/เล็ปโตสไปโรซิส (Leptospirosis)

เล็ปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้เป็นครั้งคราวในแทบทุกจังหวัด พบมากในคนที่มีอาชีพที่ต้องย่ำน้ำหรือแช่น้ำ เช่น ทำนา ทำสวน จับปลา เก็บขยะ ขุดท่อ เลี้ยงสัตว์ ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ทำเหมืองแร่ แม่บ้านที่เตรียมอาหารจากเนื้อสัตว์ นักท่องเที่ยวที่นิยมเที่ยวป่า น้ำตก ทะเลสาบ ว่ายน้ำในแหล่งน้ำจืด เป็นต้น

พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2.5 เท่า ส่วนใหญ่พบในกลุ่มอายุ 15-54 ปี

โรคนี้พบได้ประปรายตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีน้ำขัง หรือเกิดภาวะน้ำท่วม มีเชื้อโรคขังอยู่ในน้ำ เมื่อคนเดินลุยน้ำหรือลงแช่น้ำก็มีโอกาสได้รับเชื้อนี้ บางครั้งอาจพบมีการระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีภาวะน้ำท่วม

ในระยะหลังๆ นี้ พบผู้ป่วยเป็นโรคนี้กันมากทางภาคอีสาน เนื่องจากมีหนูชุกชุมตามท้องนา และมักจะเป็นชนิดรุนแรง ชาวบ้านเรียกว่า ไข้ฉี่หนู


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่าเชื้อ เล็ปโตสไปร่า (leptospira) มีอยู่หลายพันธุ์ย่อย ซึ่งก่อให้เกิดอาการและความรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นกับชนิดและปริมาณของเชื้อ

เชื้อนี้จะมีอยู่ในไตของสัตว์ ที่พบบ่อย คือ หนูท่อ หนูนา หนูพุก นอกจากนี้ยังพบในสุนัข สุกร แมว โค กระบือ แพะ แกะ

เชื้อที่ก่อโรครุนแรงมีชื่อว่า Leptospira icterohaemorrhagiae อาศัยอยู่ในหนูและสุนัข Leptospira bataviae อาศัยอยู่ในหนู สุนัข โค กระบือ

สัตว์เหล่านี้จะปล่อยเชื้อออกมากับปัสสาวะ เชื้อจะสามารถมีชีวิตอยู่ในแหล่งน้ำหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะได้นานหลายเดือน

คนเราจะรับเชื้อเข้าร่างกาย โดยผ่านเข้าทางบาดแผลถลอกหรือขีดข่วนตามผิวหนัง หรือเข้าทางเยื่อบุตา จมูกหรือช่องปากที่ปกติ วิธีติดเชื้อที่สำคัญ ได้แก่ การย่ำน้ำที่ท่วมขัง (เช่น ตามซอกซอยในเมือง) หรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ (เช่น ตามท้องนา) และการแช่อยู่ในน้ำตามห้วยหนองคลองบึง เป็นเวลาเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป (เช่น จับปลา เก็บผัก เล่นน้ำ แข่งกีฬาทางน้ำ) นอกจากนี้ยังสามารถติดเชื้อโดยการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากปัสสาวะหนู หรือสัมผัสถูกเลือด ปัสสาวะ หรือเนื้อเยื่อของสัตว์ที่ติดเชื้อโดยตรง

ระยะฟักตัว 2-26 วัน (ที่พบบ่อย คือ 7-14 วัน)


อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะรุนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่แตกต่างตรงที่จะรู้สึกปวดมากตรงบริเวณน่อง หลัง และหน้าท้อง

บางรายอาจมีไข้ติดต่อกันหลายวันสลับกับระยะไข้ลด

บางรายอาจมีอาการตาแดง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เจ็บคอ ไอ เจ็บหน้าอก บางรายอาจมีอาการปวดตรงชายโครงขวา (ซึ่งอาจปวดรุนแรง จนแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะปวดท้องเฉียบพลัน และผ่าตัดช่องท้องดู)

อาจมีอาการตาเหลืองเล็กน้อย หลังมีไข้ 4-7 วัน

ในรายที่เป็นรุนแรง (พบได้ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วย) หลังมีไข้ 4-9 วัน จะมีอาการตาเหลืองจัด ปัสสาวะเหลืองเข้ม ปัสสาวะออกน้อย บางรายอาจมีอาการเลือดกำเดาไหล มีจุดแดงจ้ำเขียวขึ้นตามตัว หรืออาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายเป็นเลือด บางรายอาจมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง หายใจหอบ หรือไอเป็นเลือด

ภาวะแทรกซ้อน

ที่สำคัญและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ได้แก่ ไตวาย ภาวะเลือดออก (ซึ่งเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือด) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดออกในทางเดินอาหารและในปอด ซึ่งมักพบในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการดีซ่านร่วมด้วย

นอกจากนี้อาจพบภาวะตับวาย ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ ภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว หัวใจวาย เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

บางรายหลังจากอาการทั่วไปหายดีแล้ว อาจมีอาการผิดปกติทางจิต เช่น โรคจิต (psychosis) กระสับกระส่าย พฤติกรรมผิดปกติเป็นเวลานานมากกว่า 6 เดือน

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส

เยื่อตาขาวมีลักษณะบวมแดง (conjunctival suffusion) ที่ตา 2 ข้าง ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดที่เยื่อบุตาขยายตัว มักเกิดขึ้นภายใน 3 วันแรกของโรค และเป็นอยู่นาน 1-7 วัน อาจพบร่วมกับภาวะเลือดออกใต้ตาขาว

เมื่อใช้มือบีบบริเวณกล้ามเนื้อน่อง จะมีอาการเจ็บปวดมาก

บางรายอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโต ตับโต ม้ามโต ตาเหลืองเล็กน้อย หรือพบผื่นแดง ลมพิษตามผิวหนัง

บางรายอาจพบอาการคอแข็ง (หลังเป็นไข้ประมาณ 1 สัปดาห์)

การทดสอบทูร์นิเคต์อาจให้ผลบวก (ดูวิธีทดสอบใน โรคไข้เลือดออก ที่หัวข้อ "อาการ" เพิ่มเติม)

ในรายที่เป็นรุนแรง มักตรวจพบอาการตาเหลือง ตัวเหลืองจัด ตับโตและเจ็บ มีจุดแดงจ้ำเขียวหรือรอยห้อเลือดตามผิวหนัง อาการไตวายเฉียบพลัน

นอกจากนี้ ยังอาจตรวจพบภาวะซีด หายใจหอบเร็ว ภาวะหัวใจวาย ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ ความดันต่ำ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด จะพบจำนวนเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ บางรายอาจสูงถึง 50,000 ตัว/ลบ.มม. เกล็ดเลือดต่ำ นอกจากนี้ยังพบระดับของบียูเอ็น (BUN) ครีอะตินีน (creatinine) เอเอสที (AST) และเอแอลที (ALT) สูงกว่าปกติ

การตรวจปัสสาวะพบสารไข่ขาว เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว

     ในรายที่ปวดศีรษะรุนแรง หรือสงสัยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบแทรกซ้อน อาจต้องเจาะหลัง

อาจต้องทำการเพาะเชื้อจากเลือด ปัสสาวะ หรือน้ำไขสันหลัง

การทดสอบทางน้ำเหลือง ซึ่งมีอยู่หลายวิธี เช่น IgM-ELISA, microscopic agglutination test (MAT), macroscopic slide agglutination test (MSAT), latex agglutination test, lepto-dipstick test เป็นต้น มักพบสารภูมิต้านทานต่อเชื้อนี้ขึ้นสูง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่เป็นไม่รุนแรง ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน หรือดอกซีไซคลีน

2.  ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด เช่น เพนิซิลลินจี ดอกซีไซคลีน หรือเซฟทริอะโซน (ceftriaxone) ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

นอกจากนี้จะให้การรักษาตามอาการที่พบ เช่น ให้ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือถ้ามีภาวะขาดน้ำ ให้เลือดถ้ามีเลือดออก

ถ้ามีภาวะไตวาย อาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis)

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงโรคและสภาพของผู้ป่วย ถ้าไม่มีอาการดีซ่าน อาการมักจะไม่รุนแรง แต่ถ้ามีดีซ่านร่วมด้วย มักจะมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และมีอัตราตายถึงร้อยละ 15-20 ซึ่งมักเกิดจากภาวะไตวาย หรือช็อกจากการเสียเลือด ภาวะรุนแรงมักเกิดในผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงร่วมกับอาการหนาวสั่น หรือมีไข้ร่วมกับตาแดง ตาเหลือง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดท้องมาก หรือปวดน่องมาก หรือมีไข้ในช่วงที่มีคนในละแวกใกล้เคียงเป็นไข้ฉี่หนู ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้ฉี่หนู (เล็ปโตสไปโรซิส) ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง หรือชัก
    หายใจหอบ เจ็บหน้าอกมาก หรือชีพจรเต้นผิดปกติ
    ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย
    มีเลือดออก เช่น ถ่ายเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ
    ตาเหลืองตัวเหลือง หน้าตาซีดเซียว หรือเบื่ออาหารมาก
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. กำจัดหนู (ซึ่งเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญ) ทั้งในนาข้าวและในที่อยู่อาศัย

2. รักษาความสะอาดบริเวณบ้านเรือน อย่าให้มีขยะและเศษอาหารตกค้าง อันจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหนู

3. ถ้ามีบาดแผล รอยถลอก ขีดข่วน ให้ปิดแผลและหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่ท่วมขังหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ หรือลงแช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง

4. ถ้าต้องเดินย่ำน้ำหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ (ตามตรอก ซอย คันนา ท้องนา ท้องไร่) ให้ใส่รองเท้าบู๊ตหรือรองเท้าหุ้มข้อ

5. อย่าลงแช่น้ำในห้วยหนองคลองบึงนานเกินครั้งละ 2 ชั่วโมง และเมื่อขึ้นจากน้ำควรฟอกสบู่และชำระด้วยน้ำสะอาด

6. เก็บหรือปกปิดอาหารและน้ำดื่มให้มิดชิด อย่าให้หนูปัสสาวะใส่

7. ดื่มน้ำต้มสุก และกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ด้วยความร้อน

8. หมั่นล้างมือภายหลังจับต้องเนื้อ ซากสัตว์ และสัตว์ทุกชนิด

9. ในกรณีที่ต้องเดินทางเข้าไปในแหล่งที่มีโรคนี้ชุกชุมในช่วงเวลาสั้น ๆ (เช่น การตั้งค่ายของกองทหาร นักเรียน นักศึกษา) และไม่สามารถใช้วิธีป้องกันอย่างอื่น ๆ ได้ ควรกินยาดอกซีไซคลีนป้องกันล่วงหน้า ครั้งละ 200 มก. ตั้งแต่ในวันแรกที่เข้าไป ต่อมากินทุกต้นสัปดาห์ และวันหยุดสุดท้ายก่อนกลับ

ข้อแนะนำ

1. อาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว นอกจากนึกถึงสาเหตุจากไข้หวัดใหญ่ ไทฟอยด์ สครับไทฟัส กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มาลาเรีย ไข้เลือดออก ถุงน้ำดีอักเสบ และท่อน้ำดีอักเสบแล้ว จะต้องนึกถึงไข้ฉี่หนูหรือโรคเล็ปโตสไปโรซิสไว้ด้วยเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบมีอาการตาแดงหรือดีซ่านร่วมด้วย ในผู้ป่วยที่อยู่ในถิ่นที่มีโรคนี้ชุกชุม

2. โรคนี้ส่วนใหญ่ (กว่าร้อยละ 90) จะมีอาการไม่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่มีอาการดีซ่านร่วมด้วย จนบางครั้งมักจะวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อไวรัส ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยที่มีอาการสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อไวรัส ควรตรวจโดยการบีบน่องผู้ป่วย ถ้ารู้สึกเจ็บน่องมาก ควรสงสัยว่าอาจเป็นไข้ฉี่หนูหรือเล็ปโตสไปโรซิส ควรสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว การรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้ภายใน 10-14 วัน

ส่วนรายที่เป็นรุนแรง (พบได้ร้อยละ 10) มักจะมีอาการตาเหลืองจัด บางครั้งทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นตับอักเสบจากไวรัส ข้อแตกต่าง คือ ตับอักเสบจากไวรัสมักจะไม่มีไข้เมื่อมีอาการดีซ่าน ในขณะที่เล็ปโตสไปโรซิสจะมีไข้สูงขณะที่มีอาการดีซ่าน และมักจะมีอาการอื่น ๆ เช่น ไตวาย (ปัสสาวะออกน้อย) เลือดกำเดาไหล หรือมีจุดแดงจ้ำเขียวร่วมด้วย

หากสงสัยควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็มักจะหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์

14
10 ข้อดีของการเลือกใช้ รถรับจ้างขนย้ายบ้านนครนายก

การขนส่งสินค้าและขนย้ายของ เป็นสิ่งที่สำคัญในการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัสดุต่างๆ ทั้งในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวันของเรา การเลือกใช้ บริการรถรับจ้างขนของนครนายก เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์และมีความสำคัญอย่างมากในการเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าของคุณ ด้วยความสามารถที่หลากหลายและการบริการที่มีมาตรฐาน เรามีความมั่นใจว่าการเลือกใช้ บริการรถรับจ้างขนของนครนายก จะนำความสะดวกสบายและประสิทธิภาพให้กับคุณอย่างแท้จริง ในบทความนี้ เราจะสำรวจและอธิบายเกี่ยวกับ 10 ข้อดีที่คุณจะได้รับจากการเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนของนครนายกอย่างละเอียดและชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและแม่นยำในการเลือกบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ดังนั้น ขอเชิญติดตามข้อมูลในบทความนี้เพื่อค้นหาข้อดีและคุณประโยชน์ที่น่าสนใจจากการใช้บริการรถรับจ้างขนของนครนายกได้ทันที!กระบะรับจ้างขนของ

การเลือกใช้รถรับจ้างขนของนครนายกมีข้อดีมากมายที่สามารถอธิบายได้ดังนี้

1. ความสะดวกสบาย
การมีบริการรถรับจ้างขนของนครนายกเป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาอย่างมากเมื่อคิดถึงความสะดวกสบายในการขนส่งสินค้าหรือของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายของบุคคลหรือของธุรกิจ การมีบริการรถรับจ้างขนของมีประโยชน์มากที่สามารถทำให้ชีวิตประจำวันของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการและขนส่งเอง เพราะบริการรถรับจ้างขนของนครนายกจะช่วยเสริมความสะดวกสบายของคุณในทุก ๆ การเคลื่อนย้ายของ

2. คุ้มค่าและเหมาะสม
บริการรถรับจ้างขนของนครนายกนั้นไม่เพียงแค่สะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมีราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่าต่อการใช้บริการ นี่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการขนส่งสินค้าหรือของในขนาดที่เล็กถึงกลางโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย คุณสามารถเชื่อมั่นได้ว่าคุณได้รับความคุ้มค่าที่สูงจากการใช้บริการนี้

3. ความปลอดภัยที่สูง
บริการรถรับจ้างขนของนครนายก มีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง ซึ่งทำให้คุณมั่นใจได้ในการขนส่งสินค้าและของของตนอย่างปลอดภัย เราทราบดีว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณและบริการรถรับจ้างขนของนครนายกนั้นมีการดูแลและมีมาตรการความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมเพื่อให้คุณมีความสบายใจในการใช้บริการนี้

4. การให้บริการเชิงมืออาชีพ
ทีมงานขับรถรับจ้างขนของนครนายกมีความชำนาญและมีความเชี่ยวชาญทางด้านการขับขี่และการจัดการสินค้าอย่างมืออาชีพ เค้าเข้าใจลึกซึ้งถึงกระบวนการขนส่งและมีความรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ในการจัดการสินค้าต่างๆ นอกจากนี้ เค้ายังมีทักษะในการติดต่อและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริการที่ได้รับนั้นจะเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสมรถกระบะรับจ้างขนของ

5. เวลาที่มีค่า
การให้บริการรถรับจ้างขนของนครนายกมุ่งเน้นที่การประหยัดเวลาของลูกค้าอย่างยิ่ง ผ่านการติดต่อและนัดหมายที่มีความเอื้อมถอน ไม่ว่าคุณจะต้องการให้บริการในช่วงเวลาที่มีเหตุจำเป็นหรือตามกำหนดไว้ล่วงหน้า เรามุ่งมั่นในการทำให้ลูกค้าของเราได้รับบริการที่สะดวกสบายและตรงตามความต้องการของพวกเขา
6. ความสามารถในการจัดการ
การให้บริการรถรับจ้างขนของนครนายกจะช่วยให้คุณสามารถจัดการการขนส่งสินค้าและของของของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราไม่เพียงแค่ขับรถจะนำสินค้ามาถึงที่หมาย แต่ยังมีความสามารถในการจัดเตรียมและจัดการสินค้าในทุกรายละเอียด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าของของคุณจะถูกดูแลอย่างดีที่สุดตลอดการขนส่ง

7. การขนส่งที่แม่นยำและรวดเร็ว
บริการรถรับจ้างขนของนครนายกมีระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นในการให้บริการที่แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ต้องการในเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการจัดการและส่งมอบสินค้าตามกำหนดเวลา ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจและเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในการใช้บริการของเรา

8. ความยืดหยุ่นในการให้บริการ
เราเข้าใจถึงความสำคัญของการมีความยืดหยุ่นในการให้บริการ และจึงมุ่งเน้นในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่ บริการรถรับจ้างขนของเรามีความยืดหยุ่นในการจัดส่งสินค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการ และเรายังสามารถปรับตัวตามความต้องการของลูกค้าในทุก ๆ การจัดส่งได้อย่างแม่นยำ

9. การให้บริการที่ปรับปรุงตลอดเวลา
เราไม่หยุดพัฒนาและปรับปรุงบริการของเราอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์การใช้บริการที่ดียิ่งขึ้นทุกครั้ง โดยเราตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการของเราอย่างต่อเนื่อง

10. ความเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ
บริการรถรับจ้างขนของเราได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้าในพื้นที่นครนายกและรอบๆ นั้น เรามุ่งมั่นในการให้บริการที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์การใช้บริการที่ดีที่สุดในการขนส่งสินค้าและวัสดุต่างๆ ในพื้นที่นครนายกและสถานที่อื่นๆ ที่เราบริการ

คุณกำลังมองหาบริการขนส่งที่เชื่อถือได้และมีความเป็นมืออาชีพในการช่วยคุณย้ายที่อยู่หรือขนส่งสินค้าของคุณในเขตนครนายกหรือรอบๆ พื้นที่ใกล้เคียงใช่ไหม?ขนย้ายเครื่องจักร

ทีมงานของเราที่ รถรับจ้างขนของนครนายก มุ่งมั่นในการให้บริการที่เต็มเปี่ยมด้วยความคุณภาพและความเอื้อมเอ่อ เรามีความเชี่ยวชาญในการขนส่งทุกประเภทของสินค้าและวัสดุ ทั้งย้าย บ้าน หรือคอนโด ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องจักรใหญ่ๆ อีกทั้งยังมีบริการรถรับจ้างทั่วไปสำหรับความต้องการทุกชนิดของคุณด้วย

เราเข้าใจความสำคัญของการมีความรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการขนส่งทุกอย่างของคุณ ด้วยทีมงานมืออาชีพและรถขนาดใหญ่ที่พร้อมให้บริการ ท่านสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าของท่านจะถูกดูแลอย่างดีที่สุดตลอดการขนส่ง

ทางเรายังมีบริการขนส่งสินค้าภายในนครนายกและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการจัดส่งแบบด่วนหรือตามนัดหมาย ทำให้การเคลื่อนย้ายสินค้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย

ไม่ว่าคุณกำลังย้ายบ้าน หรือมีความต้องการในการขนส่งสินค้า รถรับจ้างขนของนครนายก พร้อมที่จะมาช่วยคุณแล้ววันนี้! ติดต่อเราเพื่อขอใบเสนอราคาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้

15
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



หน้า: [1] 2 3 ... 45